ข้อมูลคือทุกอย่างของการดำเนินธุรกิจ และการมีข้อมูลที่เป็นระเบียบ สามารถค้นหาและนำมาใช้งานได้ง่าย จะทำให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่สับสน แต่ถ้าต้องให้คนมาจัดการข้อมูลทุกอย่างด้วยตัวเองก็ต้องใช้ทั้งแรงและเวลาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการนำเทคโนโลยีมาช่วยจัดการในส่วนนี้จะช่วยประหยัดแรงและเวลาไปได้มากเลยทีเดียว
และในปี 2025 ที่จะถึงนี้ แน่นอนว่าเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดการข้อมูลก็จะน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการเห็นความสำคัญของข้อมูลมากขึ้น องค์กรต่าง ๆ จึงต้องปรับตัวไม่เพียงแค่เรื่องเทคโนโลยีเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นด้วย มาดูกันว่าในปี 2025 เทรนด์การจัดการข้อมูลจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหนบ้างในบทความนี้กันเลย!
1. การใช้ AI และ Machine Learning ในการจัดการข้อมูล
เอไอ และ Machine Learning ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนกระบวนการจัดการข้อมูลในหลายองค์กร โดยเฉพาะงานที่ซ้ำ ๆ และใช้เวลานาน เช่น การทำความสะอาดข้อมูล การเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก โดยในปี 2025 เทคโนโลยีเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้น เอไอจะถูกนำมาใช้เพื่อคาดการณ์แนวโน้มตลาดและพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้สามารถออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดที่เฉพาะเจาะจงและเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อเอไอเข้ามาจัดการงานข้อมูลที่ซ้ำซากและใช้เวลามาก องค์กรต่าง ๆ ก็จะมีเวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ส่วนข้อมูลจำนวนมากก็จะถูกแปลงให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจได้
2. การจัดการข้อมูลบนคลาวด์
การจัดการข้อมูลบนคลาวด์จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพราะคลาวด์ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการข้อมูลได้อย่างยืดหยุ่นและเข้าถึงได้จากทุกที่ ซึ่งเหมาะสมมากในยุคที่การทำงานทางไกลกลายเป็นเรื่องปกติและความต้องการในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์มีความสำคัญมากขึ้น เครื่องมือที่ออกแบบมาให้ทำงานบนคลาวด์ (Cloud Native) จะช่วยให้การจัดการข้อมูลมีความคล่องตัว สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายตามความต้องการ
นอกจากนี้การใช้ระบบคลาวด์ยังช่วยลดต้นทุน เพราะองค์กรไม่ต้องลงทุนกับการตั้งเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ และยังทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น ข้อมูลที่ถูกจัดการและวิเคราะห์ผ่านคลาวด์สามารถนำมาใช้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นและแม่นยำกว่าเดิม ช่วยให้องค์กรปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
3. แพลตฟอร์ม Low-Code/No-Code สำหรับการบูรณาการข้อมูล
แพลตฟอร์ม Low-Code และ No-Code กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะช่วยให้คนที่ไม่มีทักษะด้านเทคนิคหรือการเขียนโปรแกรม สามารถทำงานเกี่ยวกับข้อมูลได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญด้านไอที เครื่องมือเหล่านี้ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย โดยมีอินเทอร์เฟซเพียงแค่แบบลากและวาง หรือใช้คำสั่งพื้นฐาน ทำให้สามารถเชื่อมต่อ จัดการ และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้องค์กรทำงานได้เร็วขึ้น เนื่องจากไม่ต้องรอให้ทีมเทคนิคมาช่วยจัดการข้อมูล การที่ทุกคนในทีมสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้เอง จะช่วยให้บริษัทตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้ทันที ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการทำงาน
4. การเพิ่มขึ้นของ Data Fabric Architecture
เมื่อองค์กรมีข้อมูลกระจายอยู่หลายแห่ง ทั้งในระบบภายในและบนคลาวด์ การใช้ Data Fabric Architecture จึงกลายเป็นทางออกในการเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านี้เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
ในปี 2025 นี้ Data Fabric จะยิ่งเข้ามาช่วยแก้ปัญหาข้อมูลกระจัดกระจายและเพิ่มความคล่องตัวในการใช้ข้อมูลให้กับองค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีข้อมูลปริมาณมหาศาลได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทำให้กระบวนการตัดสินใจและการทำงานมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงช่วยให้ทีมต่าง ๆ ภายในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้ดีขึ้นด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยอยู่เสมอ
5. การกำกับดูแลและการปฏิบัติตามกฎหมายด้านข้อมูล
ในปี 2025 การจัดการข้อมูลจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่มาจากกฎหมายด้านความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น PDPA (กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย) หรือ GDPR (กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของยุโรป) ซึ่งมีการปรับปรุงและอัปเดตอย่างต่อเนื่อง องค์กรจำเป็นต้องมีโครงสร้างกำกับดูแลข้อมูลที่แข็งแกร่ง เพื่อปฏิบัติตามกฎเหล่านี้อย่างถูกต้องและปลอดภัย นอกจากช่วยลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลและค่าปรับมหาศาลแล้ว ยังส่งเสริมความน่าเชื่อถือขององค์กร เครื่องมือที่ใช้อย่าง ระบบติดตาม หรือ การควบคุมการเข้าถึง จะช่วยป้องกันปัญหาด้านกฎหมายและความปลอดภัยพร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าปัญหาทั้งด้านกฎหมายและความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จะเห็นได้เลยว่าในยุคที่ข้อมูลเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจแบบนี้ การจัดการข้อมูลให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจมีความได้เปรียบในการแข่งขัน และเทคโนโลยีสุดล้ำต่าง ๆ ที่จะมาถึงในปี 2025 นี้ก็จะยิ่งเข้ามาช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึง วิเคราะห์ และใช้ข้อมูลได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า ดังนั้นการปรับตัวให้ทันต่อเทรนด์และกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจะช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันและติดต่อเราได้ที่: https://www.sertiscorp.com
Comments