เอไอและแมชชีนเลิร์นนิงคือเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนโลกทั้งใบ ด้วยการทำสิ่งที่ครั้งหนึ่งที่เราเคยคิดว่ามีเพียงมนุษย์ที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ การวิเคราะห์ และการมีประสาทสัมผัสในแบบที่ใกล้เคียงกับมนุษย์
แน่นอนว่าเทคโนโลยีที่ส่งผลเป็นวงกว้างระดับโลกขนาดนี้ ภาคส่วนของอุตสาหกรรมต่างก็ได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน ผู้เล่นน้อยใหญ่ในหลากหลายอุตสาหกรรมต่างก็เริ่มต้นนำเอไอเข้ามาปรับใช้ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองให้ก้าวทันคู่แข่ง
ในบรรดาอุตสาหกรรมต่าง ๆ บนโลกที่ได้รับการเสริมกำลังด้วยเอไอ มีบางอุตสาหกรรมที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากเอไอได้อย่างคุ้มค่าและพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดกว่าใคร วันนี้เซอร์ทิสถือโอกาสรวบรวม 5 อุตสาหกรรมที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ด้วยเอไอมาฝากผู้อ่านทุกคน
หากคุณอยู่ในอุตสาหกรรมเหล่านี้และยังไม่ได้เริ่มต้นประยุกต์ใช้เอไอ เราบอกเลยว่านี่คือโอกาสทองในการเพิ่มขีดความสามารถครั้งสำคัญท่ามกลางคู่แข่งที่คุณต้องพิจารณา ช้ากว่านี้อาจจะก้าวไม่ทันอีกต่อไป
เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้กับเซอร์ทิส ผู้ให้บริการโซลูชันด้านเอไอและดาต้าชั้นนำของประเทศไทย ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมช่วยคุณค้นหาและออกแบบโซลูชันด้านเอไอและดาต้าแบบเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในธุรกิจของคุณ เพื่อพาธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด
1. อุตสาหกรรมค้าปลีก (Retail)
ในปี 2021 ที่ผ่านมามีรายงานว่า การใช้เอไอในอุตสาหกรรมค้าปลีก สร้างรายได้ได้ถึง 1,714 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และตลาดของการใช้เอไอในอุตสาหกรรมค้าปลีกอาจเติบโตเฉลี่ยปีละ 40.5 เปอร์เซ็นต์ จนถึงปี 2030
เอไอและแมชชีนเลิร์นนิงได้เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ และปรับการบริหารจัดการทุกอย่างของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำในการวางแผนงาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทั้งในออนไลน์และออฟไลน์
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ข้อมูลมหาศาลมาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ Supply Chain และคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าด้วย Demand Forecasting หรือแนะนำสินค้าแบบ Personalization ด้วย Customer Knowledge และระบบ Product Recommendation รวมถึงการทำงานหลังบ้าน เช่น ช่วยคาดการณ์จำนวนสต๊อกสินค้าที่ควรมีและคำนวณการสั่งสินค้าแต่ละชนิดด้วย AI Ordering เลือกสินค้ามานำเสนอและวางขายให้เหมาะสมด้วย Product Assortment และเก็บข้อมูลลูกค้าภายในร้านด้วยเทคโนโลยี Computer Vision เป็นต้น
ทั้งหมดนี้จะเป็นการใช้เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลและใช้เอไอเข้ามาช่วยวิเคราะห์และคาดการณ์สิ่งต่าง ๆ ภายในระบบการทำงาน นอกจากนี้เอไอยังสามารถเรียนรู้จากข้อมูลและถึงสร้างระบบอัตโนมัติที่แสดงผลการวิเคราะห์ต่าง ๆ ข้างต้น ได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องใช้แรงงานคนมาทำงานตรงส่วนนี้อีกต่อไป
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันเพื่อธุรกิจค้าปลีกจากเซอร์ทิส: https://www.sertiscorp.com/retail
2. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage)
ในปี 2021 ที่ผ่านมามูลค่าตลาดของการใช้เอไอในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สูงถึง 4,490 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีแนวโน้มที่จะเติบโตกว่า 45.4 เปอร์เซ็นต์ต่อปีจนถึงปี 2029 เลยทีเดียว
การเติบโตของเอไอในอุตสาหกรรม F&B พุ่งสูงเนื่องจากในแต่ละปีมีสินค้าอาหารและเครื่องดื่มกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ถูกทิ้งเป็นขยะ คิดเป็นเงินกว่า 48,300 ดอลลาร์สหรัฐที่เสียไป เป็นต้นทุนก้อนใหญ่ที่อุตสาหกรรม F&B ต้องแบกรับ ซึ่งเอไอสามารถเข้ามามีส่วนช่วยหลักในการลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพในการผลิตในอุตสาหกรรมได้
การใช้เอไอวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า ตั้งแต่การดูทิศทางการเดินในร้าน อาหารที่เลือกซื้อ ไปจนถึงพฤติกรรมการคลิกบนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ ช่วยให้อุตสาหกรรม F&B เข้าใจความต้องการของลูกค้า เพื่อพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างตรงจุด ลดต้นทุนที่เสียไปกับการลงทุนสินค้าที่ผิด เอไอยังเข้ามามีบทบาทในการพัฒนา Supply Chain ช่วยให้การผลิตสินค้าที่มีอายุจำกัดในอุตสาหกรรมอาหารทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือจะใช้เอไอมาช่วยควบคุมคุณภาพและสุขอนามัยในการผลิต รวมถึงใช้เอไอมาช่วยดูแลวางแผนการขนส่งเพื่อให้สินค้าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันเพื่อธุรกิจ F&B จากเซอร์ทิส: https://www.sertiscorp.com/fmcg
3. อุตสาหกรรมการขนส่งสินค้า (Logistics)
Mckinsey ได้คาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี 2030 เอไอจะเปลี่ยนโฉมของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ สร้างมาตรฐานใหม่ที่เกินความสามารถของมนุษย์ และ Accenture คาดการณ์ไว้ว่าเอไอจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2035
เอไอได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อย่างรอบด้าน โดยใช้ความอัจฉริยะของเอไอเข้ามาทำความเข้าใจและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์แบบ Predictive Analytics ในการจัดการคลังสินค้า และลดต้นทุนในการจัดส่งด้วยการวิเคราะห์จำนวนสินค้า เลือกยานพาหนะที่เหมาะสม ไปจนเลือกเส้นทางในการขนส่งที่ประหยัดต้นทุน รวมถึงคาดการณ์ระยะเวลาการขนส่งและจัดคิวการขนส่งให้มีประสิทธิภาพและใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าที่สุด เอไอยังสามารถช่วยคาดการณ์เวลาในการตรวจสินค้าและขนย้ายสินค้าบนท่าเรือ และเราสามารถใช้เทคโนโลยี Computer Vision มาใช้เพื่อตรวจสอบสินค้า เพื่อให้ผ่านกระบวนการศุลกากรง่ายขึ้นอีกด้วย เพื่อป้องกันไม่เกิดการติดขัดล่าช้า ลดต้นทุนค่าเสียเวลาของธุรกิจ
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เอไอทำเองได้ด้วยการเรียนรู้จากฐานข้อมูลที่เชื่อมต่อกันและไหลเวียนในอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
4. อุตสาหกรรมการเงินและการธนาคาร (Banking & Finance)
มีการคาดการณ์ว่ามูลค่าของตลาดเอไอในอุตสาหกรรมธนาคารจะเติบโตถึง 64,000 ล้านเหรียญภายในปี 2030 โดยเติบโตต่อปีเฉลี่ยปีละ 32.6 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี 2021
เอไอได้เข้ามามีส่วนเป็นอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงของธนาคารแบบดั้งเดิมสู่การเป็นดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเงิน หรือ FinTech โดยมีการใช้เทคโนโลยี อาทิ การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์แบบ Predtictive Analytics ในการสร้างกำไรให้ธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ความเสี่ยงในการปล่อยกู้และกระบวนการด้านการประเมินเพื่ออนุมัติสินเชื่อแบบอัตโนมัติ โดยใช้เอไอมาวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด ตั้งแต่ข้อมูลประชากรศาสตร์ไปจนถึงข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่าย
โซลูชันในการตรวจจับและป้องกันการทุจริตด้วยเทคโนโลยี Blockchain และแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อตรวจจับพฤติกรรมน่าสงสัย หรือโซลูชันแบบ Personalization ที่ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ก็สามารถเข้ามามีส่วนช่วยในอุตสาหกรรมการธนาคารและการเงินได้เช่นกัน โดยจะวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ที่เหมาะกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะคน
เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าและพัฒนาอุตสาหกรรมธนาคารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และน่าเชื่อถือขึ้นแน่นอน
5. อุตสาหกรรมพลังงาน (Energy)
ในส่วนของอุตสาหกรรมพลังงาน มีการคาดการณ์ว่าการใช้เอไอในอุตสาหกรรมพลังงานจะสร้างมูลค่าได้กว่า 6,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2025 และมีแนวโน้มเติบโตถึง 34.1 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
การเติบโตส่วนใหญ่ของการใช้เอไอในอุตสาหกรรมพลังงานนั้น มาจากการใช้ซอฟต์แวร์ด้านเอไอและแมชชีนเลิร์นนิงเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการพลังงาน รวมไปถึงการสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือ Smart Grid ผสมผสานเทคโนโลยีทั้งเอไอและ Blockchain เข้ามาช่วยจัดการตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า การส่งไฟฟ้า และจำหน่ายไฟฟ้า โดยจะมีใช้แมชชีนเลิร์นนิงเข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อคำนวณและคาดการณ์ความต้องการพลังงาน และปรับอุปสงค์และอุปทานให้สมดุลกัน วิเคราะห์ข้อมูลในระบบการผลิต และป้องกันความผิดพลาดหรือความขัดข้องในระบบ สร้างระบบการทำงานอัตโนมัติในโรงงาน
มีงานวิจัยจาก Juniper Research เปิดเผยว่า ระบบ Smart Grid จะช่วยประหยัดต้นทุนค่าไฟฟ้าให้ประชาชนได้กว่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2022 นี้ ถือเป็นอีกอุตสาหกรรมที่ลงมาเล่นในเอไอ และกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันด้าน Smart Energy Platform จากเซอร์ทิสได้ที่https://www.sertiscorp.com/smart-energy-platform
Comments