เปิดแนวโน้มการเติบโตของ AI เตรียมก้าวสู่วันที่ AI เป็นของเราทุกคน
- Sertis
- 24 ก.พ.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 25 ก.พ.

ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของ Large Language Model (LLM) อย่างเช่น GPT, Claude และ Gemini ได้เปลี่ยนโฉม AI ไปอย่างสิ้นเชิง ทั่วโลกต่างจับตามองโมเดลเหล่านี้เนื่องจากขนาดและความสามารถที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยศักยภาพที่ใกล้เคียงกับ Artificial General Intelligence (AGI) ซึ่งก็คือ AI ที่สามารถทำงานได้หลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อหา การเขียนโค้ด หรือการใช้เหตุผล อย่างไรก็ตามเมื่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องการ AI ที่คุ้มค่าและขยายขนาดได้ง่ายขึ้น เทรนด์สำคัญที่กำลังเกิดขึ้นคือ "การทำให้ AI เป็นของทุกคน"
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากการเปิดโอเพนซอร์สที่ทรงพลังของโมเดลพื้นฐานต่าง ๆ เช่น Llama, Qwen และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง DeepSeek ซึ่งช่วยทำลายข้อจำกัดของ AI ประสิทธิภาพสูง และการทำให้โมเดลล้ำสมัยเหล่านี้เข้าถึงได้มากขึ้นไม่เพียงช่วยลดการพึ่งพาระบบปิดจากบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ยังเปิดโอกาสให้นักวิจัย สตาร์ทอัพ และองค์กรทั่วโลก สามารถพัฒนา ปรับแต่ง และนำ AI ไปใช้ในแบบที่ตรงกับความต้องการของตนเองได้อย่างแท้จริง
AI เฉพาะทางกำลังมา พร้อมศักยภาพที่เหนือกว่า
นอกเหนือจากความเร็วและความคุ้มค่าแล้ว AI ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Domain-Specific AI) กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขัน ด้วยความสามารถที่เหนือกว่าโมเดลทั่วไปในงานเฉพาะทางที่ซับซ้อน อย่างในด้านสาธารณสุข AI ได้รับการปรับแต่งด้วยงานวิจัยทางคลินิกและข้อมูลผู้ป่วยจนสามารถช่วยแพทย์ในการวินิจฉัย แนะนำแนวทางการรักษา และเร่งกระบวนการค้นคว้ายาได้ หรืออย่างด้านการเงินก็มี AI ที่ฝึกฝนจากแนวโน้มตลาด ข้อมูลความเสี่ยงด้านเครดิต และข้อกำหนดทางกฎหมาย สามารถช่วยตรวจจับการฉ้อโกง ปรับปรุงการเทรดเชิงอัลกอริทึม และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารพอร์ตลงทุนได้ นอกจากนี้ในด้านอุตสาหกรรมการผลิต AI ที่พัฒนาให้ทำงานร่วมกับข้อมูลเซ็นเซอร์และการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ ก็สามารถช่วยลดเวลาหยุดทำงานของเครื่องจักร ปรับปรุงคุณภาพสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพของ Supply Chain ได้
AI เฉพาะทางเหล่านี้สามารถพัฒนาให้มีประสิทธิภาพได้จากเทคนิคสำคัญ เช่น
Transfer Learning – การนำโมเดลที่ได้รับการฝึกมาแล้ว มาปรับใช้กับงานเฉพาะทางโดยฝึกเพิ่มเฉพาะส่วนที่จำเป็น
Low-Rank Adaptation (LoRA) – เทคนิคปรับแต่งโมเดลที่ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการฝึก ทำให้สามารถนำ AI ไปใช้ได้เร็วและคุ้มค่ามากขึ้น
Model Distillation – การสร้างเวอร์ชันที่เล็กลงและเร็วขึ้นของโมเดลขนาดใหญ่โดยยังคงความสามารถเดิมไว้ ทำให้สามารถนำ AI ไปใช้ได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีทรัพยากรจำกัด
ปัจจุบัน โมเดล AI แบบโอเพนซอร์สที่สามารถปรับแต่งได้ มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโมเดลขนาดใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งช่วยให้ AI เฉพาะทางพัฒนาได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย และเปลี่ยนจากตลาดที่เคยถูกผูกขาดโดยบริษัทเพียงไม่กี่แห่ง สู่ยุคที่ AI หลากหลายโมเดลเติบโตอย่างรวดเร็ว และแต่ละโมเดลก็ได้รับการออกแบบให้เชี่ยวชาญในงานเฉพาะทางมากขึ้น

DeepSeek กับการเข้ามาเปลี่ยนโฉมวงการ AI
หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของ AI แบบโอเพนซอร์สที่พลิกโฉมวงการเลยก็คือ DeepSeek ซึ่งเป็นโมเดล AI ขั้นสูงที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำ AI ไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่างจากโมเดลปิดที่มักมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์และต้นทุนสูง ซึ่ง DeepSeek นำเสนอทางเลือกที่สามารถปรับแต่งได้ ขยายขนาดได้ และคุ้มค่ากว่ามาก
โครงสร้าง Mixture-of-Experts (MoE) ของ DeepSeek ถือเป็นก้าวกระโดดด้านประสิทธิภาพของ AI โดยเปิดใช้งานเฉพาะพารามิเตอร์ที่จำเป็นสำหรับแต่ละคำสั่ง ลดภาระการประมวลผลลงในขณะที่ยังคงประสิทธิภาพสูงสุดไว้ได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ฮาร์ดแวร์ที่มีสเปกต่ำสามารถใช้งานโมเดลอัจฉริยะได้แม้ว่าจะมีความเร็วที่ลดลง ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้ AI ถูกนำไปใช้ในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงโดยที่ข้อมูลไม่ต้องออกจากระบบองค์กรได้
นอกจากความสะดวกในการใช้งานแล้ว DeepSeek ยังมาพร้อมกับข้อได้เปรียบสำคัญอีกหนึ่งอย่าง คือ การใช้ทรัพยากรฝึกโมเดลที่น้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับโมเดล LLM รายใหญ่ ด้วยเทคนิคการฝึกที่ปรับให้เหมาะสม เช่น การปรับขนาดโมเดลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การคัดกรองข้อมูลที่แม่นยำขึ้น และการใช้ระบบประมวลผลแบบกระจาย ทำให้ DeepSeek ลดภาระการประมวลผลลงได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้วิธีการของมันยังให้ความสำคัญกับการใช้ฮาร์ดแวร์ต้นทุนต่ำและการบริหารจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น ทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้พลังงานและ GPU น้อยลง
ประสิทธิภาพนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ AI ก้าวไปสู่การเข้าถึงที่กว้างขึ้น แต่ยังสะท้อนถึงทิศทางอนาคตของ AI ที่ต้องคำนึงถึงความยั่งยืนด้านพลังงานและการลดการพึ่งพาวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มขึ้น

อนาคตที่ AI เป็นของทุกคน
การเปิดตัวโมเดลแบบโอเพนซอร์สอย่าง DeepSeek เป็นหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญในการทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และเปิดโอกาสให้ผู้คนและองค์กรใช้งาน AI ขั้นสูงได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านต้นทุนหรือการควบคุมจากบริษัทใหญ่ การลดอุปสรรคในการเข้าถึงทำให้ธุรกิจสามารถสร้างสรรค์ ปรับปรุง และทำงานซ้ำ ๆ อัตโนมัติได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องพึ่งพาโมเดลที่มีค่าใช้จ่ายสูง นอกจากนี้ยังเป็นแรงผลักดันให้บริษัท AI รายใหญ่ต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
ในขณะที่ AI กำลังพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนผ่านจากโมเดลที่ใช้ทั่วไปสู่โมเดลเฉพาะทางจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ โดยได้รับแรงหนุนจากความก้าวหน้าในเทคนิคการปรับแต่ง โมเดลแบบแยกส่วนและชุมชนโอเพนซอร์สที่ร่วมมือกัน องค์กรที่ใช้ AI เฉพาะทางจะได้รับประโยชน์จากโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และขยายขนาดได้มากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของ AI ที่ทำให้มันไม่ใช่แค่ทรงพลัง แต่ยังใช้งานได้จริง คุ้มค่า ตอบโจทย์ภาคธุรกิจ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

บทสรุป
วงการ AI กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อำนาจไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่ในมือของบริษัทใหญ่ไม่กี่รายอีกต่อไป แต่กำลังถูกกระจายออกไปอย่างกว้างขวาง เทคโนโลยีโอเพนซอร์สช่วยทำลายข้อจำกัดเดิม ๆ ทำให้ AI มีประสิทธิภาพสูง เข้าถึงได้ง่าย ปรับแต่งได้มากขึ้น และคุ้มค่ากว่าที่เคย
นอกจากนี้การทำให้ AI เป็นของทุกคนไม่ใช่แค่เรื่องของประสิทธิภาพ มันกำลังเปลี่ยนวิธีที่ธุรกิจ นักวิจัย และนักพัฒนามีปฏิสัมพันธ์กับ AI การเปลี่ยนจากโมเดลขนาดใหญ่ที่ใช้งานแบบเดียวกันสำหรับทุกอย่าง ไปสู่โซลูชันเฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์แต่ละอุตสาหกรรมโดยตรง ซึ่งกำลังสร้างระบบนิเวศที่มีความหลากหลายและแข่งขันกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การแพทย์ การเงิน อุตสาหกรรมการผลิต หรือความปลอดภัย ต่างก็ได้รับประโยชน์จาก AI ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของตนเองโดยไม่มีข้อจำกัดด้านค่าลิขสิทธิ์หรือภาระค่าใช้จ่ายในการประมวลผล
อนาคตของ AI อยู่ที่การเข้าถึง ประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ที่ใช้ได้จริง การแข่งขันไม่ใช่แค่การสร้างโมเดลที่ใหญ่ที่สุดอีกต่อไปแต่เป็นการออกแบบโซลูชันที่ฉลาด ปรับตัวได้ และยั่งยืน ด้วยพลังของโอเพนซอร์สที่ยังคงขับเคลื่อนขอบเขตของ AI ไปข้างหน้า การปฏิวัติ AI ไม่ใช่เรื่องของอนาคตอีกต่อไปแต่มันเกิดขึ้นแล้ว และเป็นของทุกคน
Comments