top of page
รูปภาพนักเขียนAnantaya Pornwichianwong

ยกระดับระบบรักษาความปลอดภัย ด้วย Computer Vision



ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ขนาดของอาคารและผังเมืองเกิดการขยายตัวและซับซ้อนยิ่งขึ้น การจัดการชุมชนและการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ต่าง ๆ จึงทำได้ยากขึ้นตาม และในวันที่เทคโนโลยีเอไอก้าวหน้าไปมาก การนำเอไอมาใช้ประโยชน์ในระบบรักษาความปลอดภัยให้ก้าวทันความซับซ้อนของโลกจึงเป็นเรื่องที่ทั้งรัฐบาลและเอกชนไม่ควรมองข้าม


บทความนี้เซอร์ทิสชวนมาทำความเข้าใจบทบาทของเอไอประเภท Computer Vision ในระบบรักษาความปลอดภัย มาดูกันว่าเราจะยกระดับความปลอดภัยให้ทุกคนด้วยตำรวจเอไอที่ทำงาน 24 ชม. ได้อย่างไรบ้าง?

Computer Vision คืออะไร?


ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจก่อนว่าเทคโนโลยี Computer Vision คืออะไร และเกี่ยวข้องกับระบบรักษาความปลอดภัยอย่างไรบ้าง?


Computer Vision คือเทคโนโลยีเอไอแขนงหนึ่ง ที่ทำงานกับข้อมูลประเภทภาพ กล่าวคือเป็นเอไอชนิดที่สามารถวิเคราะห์และตรวจจับวัตถุในข้อมูลดิจิทัลประเภทภาพต่าง ๆ เช่น ภาพถ่ายหรือวิดีโอ เพื่อทำหน้าที่แยกแยะ ติดตาม หรือวิเคราะห์วัตถุในภาพตามที่ได้รับคำสั่งจากมนุษย์ เรียกได้ว่าเป็นเสมือนตาของเอไอ ที่ช่วยให้เอไอสามารถมองเห็นและวิเคราะห์ข้อมูลภาพได้แบบมนุษย์เลยทีเดียว



ยกระดับการรักษาความปลอดภัยผ่าน CCTV ด้วย Computer Vision


และเทคโนโลยี Computer Vision ประเภทหนึ่งที่เหมาะจะนำมาประยุกต์ใช้กับระบบรักษาความปลอดภัย ได้แก่ Video Analytics ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลประเภทวิดีโอ และตรวจจับวัตถุหรือบุคคลตามที่ต้องการจากฟุตเทจวิดีโอได้ตามที่กำหนด ซึ่งมักจะนำไปประยุกต์ใช้กับวิดีโอจากกล้องวงจรปิด


กล้องวงจรปิดเป็นหนึ่งในแนวทางรักษาความปลอดภัยที่เราต่างคุ้นเคยกันดี และมักจะมีการติดตั้งไว้ตามทางเข้าออกอาคาร ในอาคาร ริมถนน เพื่อคอยดูแลความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะบันทึกภาพได้ครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง และเมื่อมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นก็สามารถมาดูเทปที่บันทึกไว้ย้อนหลังเพื่อหาข้อเท็จจริงได้ แต่ก็ไม่ใช่การป้องกันเชิงรุก ซึ่งบางครั้งการรอให้เกิดเหตุก่อนแล้วค่อยแก้ไขก็มักจะสายเกินแก้


Video Analytics สามารถทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับบุคคลในวิดีโอ (Person Detection) การตรวจจับวัตถุ (Object Detection) ช่วยให้เราสามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติ เช่น บุคคลที่น่าสงสัย พฤติกรรมที่ผิดปกติ สิ่งของ สิ่งแปลกปลอม ของต้องห้าม อาวุธ หรือการบุกรุกได้ในแบบเรียลไทม์ และแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุได้


ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลทำให้สามารถตรวจจับได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือสิ่งของ เอไอก็สามารถแยกแยะและตรวจจับได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงความสามารถในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องอาศัยการดูแลของมนุษย์ เปรียบเสมือนว่าเรามีตำรวจอัจฉริยะคอยสอดส่องดูแล นั่งดูกล้องวงจรปิดตรวจจับสิ่งผิดปกติ และจัดการเชิงรุกให้ตลอด 24 ชั่วโมงนั่นเอง



ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยี Computer Vision กับระบบรักษาความปลอดภัย


  • ตรวจจับบุคคลและพฤติกรรมที่น่าสงสัย

เราสามารถใช้เทคโนโลยี Computer Vision ในการตรวจจับบุคคลที่ผ่านไปมาในกล้องเพื่อรักษาความปลอดภัยได้ โดยจะใช้ระบบ Person Detection ในการระบุตำแหน่งและตรวจจับบุคคลในภาพ โดยสามารถทำได้ทั้งแบบทีละคนและทีละหลายคน รวมไปถึงสามารถตรวจจับการกระทำที่น่าสงสัย โดยใช้เทคนิค Action Recognition และ Loitering Detection มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อกฎหมาย เพื่อตรวจจับว่าการกระทำหรือท่าทางของบุคคลไหน มีแนวโน้มจะฝ่าฝืนกฎหมาย เช่น ลักขโมยหรือมีอาการมึนเมา เป็นต้น


  • ตรวจจับวัตถุต้องสงสัย

เราสามารถเทรนโมเดลให้ตรวจจับวัตถุที่ต้องสงสัยว่าผิดกฎหมายหรือละเมิดกฎข้อบังคับได้ เช่น อาวุธ หรือวัตถุที่ห้ามนำเข้าไปในบริเวณต่าง ๆ โดยสามารถใช้ระบบ Object Detection ที่สามารถตรวจจับวัตถุได้แบบเรียลไทม์ผ่านภาพในกล้องวงจรปิด ทำให้สามารถรักษาความปลอดภัยได้อย่างทั่วถึง


  • ตรวจจับการบุกรุก

การตรวจจับการบุกรุกเข้าเขตหวงห้ามสามารถทำได้โดยการเทรนโมเดลให้เรียนรู้ว่าพื้นที่ไหนเป็นรั้ว หรือพื้นที่ไหนห้ามเข้าไป เป็นการวาดกรอบล้อมรอบไว้ให้โมเดล Intrusion Detection เรียนรู้ หากมีการตรวจจับว่ามีบุคคลล้ำเข้าไปในเขตนั้น ระบบก็จะทำการแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่แบบเรียลไทม์


  • ควบคุมและบันทึกการเข้าออก

การบันทึกการเข้าออกอาคารหรือพื้นที่ต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องจำเป็นในการรักษาความปลอดภัยเช่นกัน โดยเราสามารถนำระบบ Face Recognition มาควบคุมการเข้าออกพื้นที่หรืออาคาร (Access Control) โดยระบบจะสแกนใบหน้ายืนยันว่าข้อมูล Biometrics ของใบหน้าตรงกับข้อมูลที่บันทึกไว้ในฐานข้อมูลหรือไม่ ก่อนที่จะทำการปลดล็อกประตู ซึ่งสะดวกสบายขึ้นกว่าการใช้คีย์การ์ดหรือลายนิ้วมือ และทำการบันทึกข้อมูลบุคคลที่เข้าออกไว้ได้ครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีประเภท Automatic License Plate Recognition (ALPR) ตรวจจับเลขทะเบียนรถ และ Vehicle Recognition เพื่อตรวจจับประเภทและสีของรถ พร้อมบันทึกข้อมูลรถที่เข้าออกไว้อย่างครอบคลุมอีกด้วย



ประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยี Computer Vision กับระบบรักษาความปลอดภัยในที่สาธารณะ


การยกระดับระบบรักษาความปลอดภัยด้วย Computer Vision ที่เปรียบเสมือนตำรวจเอไอที่มีสายตาแหลมคมและทำงานได้อย่างไม่ต้องหยุดพัก ช่วยให้การรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้นและครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถช่วยลดอัตราการเกิดอาชญากรรมได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะได้รับการแจ้งเตือนทันทีเมื่อตรวจจับพบความผิดปกติ และเข้าไปทำการป้องกันเชิงรุกได้


และเทคโนโลยี Computer Vision แบบต่าง ๆ เช่น Face Recognition หรือ Person Detection ก็ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้หลากหลาย เช่น กรณีของการตามหาบุคคลสูญหาย เราสามารถใช้เทคโนโลยี Face Recognition และ Person Detection ในการค้นหาบุคคลดังกล่าวจากกล้องวงจรปิด และวิเคราะห์เปรียบเทียบกับข้อมูลในฐานข้อมูล เพิ่มโอกาสในการตรวจพบบุคคลที่ตามหาได้รวดเร็วกว่าเดิม


ซึ่งปัจจุบันนี้ การมองหาเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ เป็นอีกเรื่องที่องค์กรทุกองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต้องให้ความสำคัญ โดยควรมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาบนถนนทุกเส้น ทุกบริเวณทางเข้าออกของตึก หรือบริเวณห้องสำคัญขององค์กร เช่น ห้องที่มีเอกสารสำคัญ หรือเป็นห้องเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร


การนำเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยผ่านกล้องวงจรปิดด้วย Computer Vision จะช่วยยกระดับความปลอดภัยในพื้นที่เหล่านี้ เพื่อปกป้องดูแลประชาชน หรือสำหรับองค์กรก็จะช่วยปกป้องทั้งตัวพนักงาน และความมั่นคงขององค์กร ให้ปลอดภัยและมั่นใจได้สูงสุดตลอด 24 ชั่วโมง


ที่เซอร์ทิส เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน Computer Vision ที่พร้อมออกแบบและดูแลโซลูชันด้านความปลอดภัยที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับทุกองค์กร ร่วมยกระดับความปลอดภัยให้กับทุกคน


เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันด้านความปลอดภัยจากเซอร์ทิสได้ที่: https://www.sertiscorp.com/ai-security

Comments


bottom of page