หลายคนคงเคยจินตนาการถึงภาพการทำงานในอุดมคติ ที่เราสามารถเปลี่ยนการทำงานทุกอย่างให้ง่าย เพียงแค่พิมพ์สื่อสารสั้น ๆ ด้วยภาษาธรรมดาที่ไม่ต้องเรียบเรียงอะไร เหมือนในหนังซูเปอร์ฮีโรที่สั่งการผู้ช่วยอัจฉริยะได้ด้วยการสื่อสารเพียงไม่กี่คำ ภาพนั้นใกล้เคียงความเป็นจริงมากขึ้นทุกทีด้วยความสามารถของ Generative AI
ในบทความนี้เซอร์ทิสจะพาผู้อ่านไปรู้จักกับแนวทางการประยุกต์ใช้ Generative AI ให้เป็นสุดยอดเครื่องมือ ที่จะเปลี่ยนงานยาก ๆ ในธุรกิจให้ง่ายเพียงแค่การสื่อสารไม่กี่คำ และให้ทุกคนได้มีผู้ช่วยอัจฉริยะแบบจาร์วิส (JARVIS) ในภาพยนตร์เรื่องไอรอนแมนเป็นของตัวเอง
‘เรื่องยาก’ ในธุรกิจหมายถึงอะไร?
หลาย ๆ ครั้ง เรื่องยากในธุรกิจ ไม่ได้หมายถึงแค่การวางแผนกลยุทธ์ หรือการต้องตัดสินใจในเรื่องที่ชี้ชะตาของธุรกิจ แต่ยังหมายถึงงานต่าง ๆ ที่เป็นงานที่ซับซ้อน ใช้เวลามาก อาจไม่ท้าทายเท่างานด้านกลยุทธ์ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น การอ่านทำความเข้าใจรีพอร์ตต่าง ๆ การตอบอีเมล การตรวจทานเอกสารต่าง ๆ ซึ่งแม้จะเป็นงานที่ไม่ได้ใช้ทักษะเชิงกลยุทธ์จากการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่ก็เป็นงานที่ต้องให้ความสำคัญ
การมีคนที่เชื่อถือได้มาทำงานเหล่านี้แทนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหาร จะเป็นการช่วยลดเวลาการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพของงานอื่น ๆ ให้เราได้มีเวลาไปทำงานที่สร้างคุณค่าให้ธุรกิจมากกว่าเดิม และนี่คือจุดที่ Generative AI เข้ามามีบทบาท
เปลี่ยนทุกงานยากให้เสร็จได้ด้วยประโยคเดียว
จุดที่โดดเด่นที่สุดของ Generative AI คือความสามารถที่จะสื่อสารและรับคำสั่งจากมนุษย์ได้ โดยใช้แค่ภาษาพูดสั้น ๆ ง่าย ๆ ประโยคเดียวเท่านั้น การจะใช้งาน Generative AI เราไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องภาษาเขียนโปรแกรม หรือแม้แต่ใช้งานผ่านโปรแกรมต่าง ๆ ที่ซับซ้อนเลย เราแค่พิมพ์ข้อความในช่องแชท ประหนึ่งคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือเลขา ผ่านสิ่งที่เรียกว่า Conversational Interface เท่านี้ก็จะได้ทุกอย่างที่ต้องการ เช่น
"สร้างตารางแสดงยอดขายรวมในแต่ละไตรมาสของปีนี้ของร้านสาขาในแต่ละจังหวัด"
คำสั่งนี้ถือเป็นคำสั่งที่พิมพ์แบบตรงไปตรงมา ง่าย และรวดเร็ว แต่เป็นงานที่ถ้าหากทำเองหรือใช้คนทำก็จะเสียเวลาไม่น้อยเลย แต่ในกรณีนี้เราสามารถใช้ Generative AI ให้ไปดึงข้อมูลมาเปรียบเทียบ เน้นส่วนที่เราต้องการ และแสดงผลเป็นตารางที่เข้าใจง่าย
Generative AI ช่วยอะไรเราได้บ้าง?
เปลี่ยนงานซับซ้อนให้เป็นอัตโนมัติ: เช่นตัวอย่างในการสรุปผลรีพอร์ตข้างต้น รวมไปถึงงานอื่น ๆ เช่น เอไอสามารถช่วยแนะนำแนวทางในการเขียนอีเมล หรือแนะนำรูปแบบในการร่างประกาศ ที่เดิมทีถ้าทำด้วยแรงงานมนุษย์เพียงอย่างเดียวจะใช้เวลามาก เอไอสามารถเป็นผู้ช่วยเราในการเรียบเรียงภาษา เลือกใช้ระดับคำให้เหมาะสมกับผู้รับ และยังสามารถช่วยจัดระเบียบข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย พร้อมนำไปใช้งาน โดยทั้งหมดนี้ Generative AI ทำได้ง่าย ๆ ในเวลาไม่นานเช่นกัน
ทำงานด้วยความแม่นยำ ลดข้อผิดพลาดได้มากที่สุด: Generative AI สามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างแม่นยำ ทำให้เราสามารถใช้ Generative AI ช่วยตรวจสอบงานต่าง ๆ เช่นตรวจคำผิดในงานเขียน หรือตรวจสอบโค้ด เป็นต้น
จุดประกายความคิดสร้างสรรค์: Generative AI มีความสามารถในการสร้างไอเดียและเนื้อหาใหม่ ๆ จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่มี รวมถึงช่วยค้นหาข้อมูลและวิเคราะห์หาความหมายของข้อมูล ทำให้สามารถเป็นตัวช่วยในการหาไอเดีย ออกแบบคอนเทนต์ หรือเสนอกลยุทธ์ทางธุรกิจเบื้องต้นเพื่อช่วยให้เราเอาไปพัฒนาต่อได้
ออกแบบ Generative AI ของเราเอง
เราอาจคุ้นเคยกับการใช้โมเดล Generative AI ผ่านผู้ให้บริการค่ายต่าง ๆ เช่น ChatGPT และ Gemini แต่เบื้องหลังของเอไอเหล่านี้ มีโมเดลที่เรียกว่า Large Language Model (LLM) ซึ่งเป็นโมเดลที่โดดเด่นเรื่องการใช้ภาษา เข้าใจเนื้อหาที่เป็นภาษา และสื่อสารกับมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติ นี่คือกลไกเบื้องหลังที่ทำให้ ChatGPT สามารถพูดคุยและทำตามคำสั่งของเราได้อย่างน่าทึ่ง นอกจากงานด้านภาษาแล้ว Generative AI ยังรวมไปถึงโมเดลชนิดอื่น ๆ ที่สามารถสร้างเนื้อหารูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง หรือวิดีโอ ซึ่งสามารถต่อยอดพัฒนาต่อไปในอนาคตได้
(ถ้าอยากเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของ LLM มากขึ้น สามารถอ่านต่อได้ที่บทความ ‘Large Language Models (LLMs) เทคโนโลยีที่ทำให้เอไอพูดได้’)
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ธุรกิจสามารถสร้างโมเดล LLMs เป็นของตัวเอง และให้โมเดลเรียนรู้ข้อมูลทั้งหมดภายในธุรกิจของตนเองได้ และโมเดลนี้ก็จะสามารถทำตามคำสั่งเรา ตั้งแต่การค้นหาข้อมูล สรุปข้อมูล แสดงผลข้อมูล ช่วยคิดกลยุทธ์ และงานอื่น ๆ อีกมากมายที่เราต้องการ โดยคิดและวิเคราะห์จากข้อมูลในธุรกิจของเราเป็นหลัก รวมไปถึงเชื่อมต่อเข้ากับซอฟต์แวร์ที่เราใช้งานในองค์กร เช่น ซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) หรือฐานข้อมูลขององค์กร
ทำให้ธุรกิจสามารถสร้าง Generative AI ที่มีความเชี่ยวชาญที่เฉพาะเจาะจง พร้อมทำงานได้ตามสั่ง ผ่านการสื่อสารง่าย ๆ ช่วยลดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างแท้จริง
เซอร์ทิสเองก็ให้บริการโซลูชันในการสร้างแพลตฟอร์ม Generative AI ที่ออกแบบมาเฉพาะให้กับธุรกิจ โดยครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่:
ทำความเข้าใจความต้องการของธุรกิจ ออกแบบโซลูชันและเลือกใช้โมเดลที่เหมาะสม
เทรนโมเดลด้วยข้อมูลเฉพาะตัวของธุรกิจ ปรับจูนโมเดลให้เหมาะกับธุรกิจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด
ออกแบบแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะของแต่ละธุรกิจ เช่น ให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดข้อมูลที่ต้องการและสื่อสารกับเอไอในรูปแบบแชทโต้ตอบกัน
ออกแบบและพัฒนามาตรการและเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม ป้องกันความเสี่ยงเรื่องการรั่วไหลของข้อมูล
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเซอร์ทิสและติดต่อเราได้ที่: https://www.sertiscorp.com/th/contact-us
Comentários