“Generative AI คือเอไอประเภทหนึ่งที่สามารถสร้างสรรค์ข้อมูลใหม่ ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น รูปภาพ ข้อความ หรือดนตรี โดยเรียนรู้จากข้อมูลหรือชุดคำสั่งที่ได้รับการป้อนให้” นี่คือคำตอบที่เราได้รับจาก ChatGPT หลังจากเราป้อนคำถามไปว่า “Generative AI คืออะไร?” ซึ่ง ChatGPT คือหนึ่งในตัวอย่างของ Generative AI ที่กำลังเป็นที่พูดถึงในปัจจุบัน
โดยสรุปแล้ว Generative AI คือเอไอรูปแบบหนึ่งที่สามารถสร้างคอนเทนต์หรือผลงานแบบออริจินัลต่าง ๆ ออกมาในแบบที่ความคิดสร้างสรรค์และไอเดียของมนุษย์เราทำได้ เป็นครีเอทีฟที่สร้างได้ทั้งบทความ รูปภาพ วิดีโอ และดนตรี เป็นอีกระดับของเอไอที่ทำได้มากกว่าแค่งานซ้ำซาก
นอกจาก ChatGPT แล้ว Generative AI ที่เป็นที่กล่าวถึงกันในช่วงที่ผ่านมา อาทิ DALL·E 2 จาก OpenAI ที่สร้างภาพวาดออกมาจาก Keyword และคำอธิบายที่เราป้อนให้ รวมไปถึงเอไอที่ช่วยเราออกแบบสไลด์นำเสนองาน ออกแบบแพกเกจจิ้ง ตัดต่อวิดีโอต่าง ๆ หรือแม้แต่เขียนโค้ดก็มีแล้วเช่นกัน
คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ แล้วเจ้า Generative AI นี้จะส่งผลกระทบและเปลี่ยนแปลงโลกการทำงานของธุรกิจไปในทิศทางไหนบ้าง? และนี่คือสิ่งที่เราจะมาหาคำตอบกันในวันนี้ ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
Generative AI ทำงานอย่างไร?
Generative AI จะใช้โมเดล Deep Learning ประเภท Unsupervised หรือ Semi-supervised โดยให้โมเดลเรียนรู้ชุดข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ถ้าเราอยากให้โมเดลของเราวาดภาพออกมาได้แบบแวนโก๊ะ เราก็จะให้โมเดลเรียนรู้ข้อมูลภาพวาดของแวนโก๊ะหลาย ๆ ภาพ เพื่อให้โมเดลจดจำลักษณะเด่นและรูปแบบของภาพวาดเหล่านั้นและนำมาเลียนแบบ สร้างออกมาเป็นผลงานของตนเอง โดยนำลักษณะเหล่านั้นประยุกต์กับคำสั่งที่เราป้อนเข้าไป เพื่อให้ได้ภาพที่ออกมาตรงตามที่กำหนด พร้อมทั้งมีกลิ่นอายแบบแวนโก๊ะอยู่ สำหรับเอไอที่โต้ตอบบทสนทนา เขียนบทความ ออกแบบงานดีไซน์ต่าง ๆ หรือแต่งเพลง ก็จะใช้แนวทางเดียวกัน
เช่น โมเดลของ ChatGPT สร้างขึ้นโดยการให้โมเดลเรียนรู้ข้อมูลและข้อความต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นจาก Wikipedia Twitter หรือ Reddit เพื่อให้โมเดลสามารถตอบโต้และตอบคำถามตามหัวข้อที่ได้รับการป้อนเข้าไปได้ โดยใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติเหมือนบทสนทนาของมนุษย์
Generative AI จะพลิกการทำงานไปในทางไหน?
ปัจจุบัน Generative AI ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนาเท่านั้น ความสามารถในการนำไปใช้ยังอยู่เพียงระดับต้น ๆ และยังมีความเป็นไปได้อีกหลากหลายรอให้พัฒนาขึ้น แต่เท่าที่เห็นในขั้นต้นนี้ แม้จะยังไม่ถึงขั้นที่จะพลิกโฉมโลกธุรกิจ แต่ก็พบว่า Generative AI มีประโยชน์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกระบวนการทางธุรกิจได้หลากหลาย ได้แก่:
งานด้านการตลาด
สร้างแคมเปญการตลาด หรือข้อความการตลาดแบบ Personalized ที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการเขียนข้อความโฆษณา ออกแบบภาพ และวิดีโอ ซึ่งเดิมทีต้องใช้เวลาอย่างมากในการลงลึกระดับรายบุคคล รวมถึงเรายังสามารถนำ Generative AI มาช่วยทำคอนเทนต์ลงโซเชียลมีเดีย เขียนคู่มือการใช้งานสินค้าต่าง ๆ หรือในทางการประเมินผลก็ทำได้ด้วยการใช้ Generative AI วิเคราะห์ผลตอบรับของลูกค้า เช่น วิเคราะห์ความเห็นในโซเชียลมีเดีย หรือรีวิวการใช้งานจริงจากลูกค้า
งานด้านการขาย
Generative AI สามารถเข้ามาช่วยในกระบวนการนำเสนอขายสินค้า เช่น วิเคราะห์บทสนทนาและปฏิสัมพันธ์ระหว่างเรากับลูกค้า เพื่อแนะนำว่าในขั้นตอนต่อไปควรทำอะไร ควรเสนอสินค้าเลยไหม? หรือมีสัญญาณอะไรที่ควรระวังว่าจะปิดการขายไม่ได้ วิเคราะห์ปัจจัยในการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าที่นำไปสู่การปิดการขาย หรือการทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ รวมถึงสร้างแชทบอทมาเพื่อตอบโต้กับลูกค้าอย่างเป็นธรรมชาติ
งานไอทีหรือวิศวกร
Generative AI สามารถเข้ามาช่วยเขียนโค้ดง่าย ๆ เพื่อช่วยให้การพัฒนาโปรแกรมทำได้รวดเร็วขึ้น อาทิ ช่วยแปลง JavaScript เป็น Python หรือช่วยสร้างข้อมูลสังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อนำมาใช้ในการเทรนโมเดล ในกรณีที่มีข้อมูลในมือจำกัด
งานด้านกฎหมาย
Generative AI สามารถเข้ามาช่วยงานพื้นฐานด้านกฎหมาย เช่น การร่างและตรวจเอกสารด้านกฎหมาย เช่น สัญญาหรือสิทธิบัตรต่าง ๆ ช่วยอ่านเอกสารด้านกฎหมาย เน้นย้ำหัวข้อที่ควรจำ และการเปลี่ยนแปลงในเอกสาร รวมถึงช่วยหาคำตอบสำหรับคำถามด้านกฎหมายผ่านการตรวจดูเอกสารและข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น
งานด้านบุคคล (HR)
ช่วยออกแบบคำถามสัมภาษณ์งานและแบบประเมินผู้สมัคร รวมถึงทำงานด้านบุคลากรต่าง ๆ เช่น สร้างเอกสารในกระบวนการ Employee Onboarding สำหรับพนักงานใหม่ ช่วยตอบคำถามสำหรับพนักงานใหม่ และช่วยบรรยายกฎข้อบังคับต่าง ๆ เป็นต้น
งานพื้นฐาน
Generative AI สามารถประหยัดเวลาและยกระดับการปฏิบัติการพื้นฐานในการทำงานต่าง ๆ เช่น การช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการสื่อสารผ่านการช่วยเขียนและตอบกลับอีเมลแบบอัตโนมัติ ช่วยแปลภาษา ปรับโทนและเลือกใช้คำในการสื่อสาร ในการนำเสนองานต่าง ๆ Generative AI ก็สามารถเข้ามาช่วยทำ Presentation หรือ Visualization ช่วยจดบันทึกข้อมูลและสรุปการประชุม หรือในการทำการค้นคว้าระหว่างการทำงานก็สามารถเข้ามาช่วยหาข้อมูล ด้วยความสามารถในการตรวจสอบข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตหรือฐานข้อมูลได้รวดเร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า เป็นต้น
Generative AI จะมาแทนมนุษย์ได้หรือไม่?
การที่เอไอสามารถเข้ามาทำแทนในส่วนงานด้านความคิดสร้างสรรค์ที่เคยเป็นงานที่สงวนไว้สำหรับมนุษย์ หลายคนอาจจะกังวลว่าสุดท้ายแล้วเอไอจะมาทดแทนความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ไปโดยสิ้นเชิงหรือไม่ คำถามนี้เราจึงขอให้ ChatGPT เป็นคนตอบ
“...Generative AI ไม่ได้สร้างมาเพื่อจะทดแทนความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ แต่มาเป็นเครื่องมือที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์มากกว่า Generative AI สามารถใช้สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ แต่มนุษย์เองต้องเป็นผู้ประเมิน เลือกใช้ และต่อยอดจากไอเดียนั้น ๆ นอกจากนี้ Generative AI ยังไม่สามารถเข้ามาแทนอารมณ์และปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ได้ ซึ่งสองสิ่งนี้คือสิ่งสำคัญอย่างมากในการทำงานด้านความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ”
ChatGPT เองยืนยันมาแบบนี้ ก็สามารถสบายใจได้แล้วนะครับ เซอร์ทิสเองก็เชื่อว่าเอไอไม่ว่าจะรูปแบบไหนถ้าหากเรารู้เท่าทันและใช้งานอย่างเหมาะสม ก็สามารถเป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยมที่ต่อยอดความสามารถของเราให้ล้ำขึ้นไปอีกขั้น
ที่เซอร์ทิส เรานำเทคโนโลยีและความก้าวหน้าใหม่ ๆ ในโลกของเอไอมาพัฒนาโซลูชันของเราอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะเป็น Computer Vision, Natural Language Processing, Optical Character Recognition (OCR) และนวัตกรรมเอไออื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมออกแบบโซลูชันอัจฉริยะแบบ Customized ที่ตอบโจทย์การทำงานในทุกอุตสาหกรรม
มาร่วมสร้างสรรค์โซลูชันเอไอที่จะพาธุรกิจของคุณให้ก้าวไปได้ไกลกว่าเดิม
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันจากเซอร์ทิสได้ที่: https://www.sertiscorp.com/services
Comments