ในปัจจุบันนี้ ประเด็นเรื่องภาวะโลกร้อนอันมีส่วนมาจากการใช้พลังงานในอุตสาหกรรมและองค์กรต่าง ๆ ได้กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกองค์กรทั่วโลกหันมาใส่ใจการ “Going Green” หรือการหันมาอนุรักษ์และใส่ใจในสิ่งแวดล้อมด้วยการประหยัดพลังงาน นอกจากจะเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานให้กับธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากสถานการณ์ที่ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มมากขึ้น
สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีตึกสำนักงานหรือโรงงานอุตสาหกรรมหลากหลายแห่ง การวางแผนปรับลดและประหยัดการใช้พลังงานให้ครอบคลุมทุกตึกอาจฟังดูเป็นเรื่องท้าทายและต้องใช้เงินทุนมหาศาล แต่เนื่องจากเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) ได้กลายมาเป็นอีกเทคโนโลยีที่กิจการและโรงงานในปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นการนำอินเทอร์เน็ตมาเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ ในการปฏิบัติการในแต่ละวัน การใช้ IoT ในการควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและระบบปฏิบัติการ ทำให้เราสามารถเก็บข้อมูลการใช้พลังงานทั้งหมดได้อย่างครอบคลุม
และด้วยเทคโนโลยีด้านข้อมูลที่ล้ำสมัยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาสาเหตุของปัญหา หรือการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์ความเป็นไปได้ในอนาคต ทำให้เราสามารถนำเทคโนโลยีเหล่านี้วิเคราะห์ข้อมูลการใช้พลังงาน เพื่อปรับลดและจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และให้องค์กรต่าง ๆ สามารถ Going Green ได้สำเร็จนั่นเอง ด้วย 3 แนวทางต่อไปนี้
1. วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวางแผนการใช้พลังงาน
ขั้นตอนแรกในการเลือกใช้โซลูชันด้านข้อมูลสำหรับองค์กรต่าง ๆ นั้น เริ่มต้นที่การทำความเข้าใจการใช้พลังงานขององค์กรก่อน โดยนำข้อมูลการใช้พลังงานทั้งหมดมาวิเคราะห์อย่างครอบคลุมเพื่อดูว่ามีการใช้พลังงานแต่ละส่วนอย่างไร และดูว่าส่วนไหนที่มีการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น เช่น หลอดไฟหรือเครื่องปรับอากาศในห้องที่ใช้งานน้อย หรือส่วนที่เปิดไว้ 24 ชั่วโมงโดยไม่จำเป็น
ในขั้นตอนนี้ เราจะต้องนำข้อมูลการใช้พลังงานในอดีต รวมถึงเก็บข้อมูลการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์มาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อคาดการณ์ความต้องการในการใช้พลังงานให้แม่นยำ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์โครงสร้างของอาคาร ระบบควบคุมเครื่องจักร อุณหภูมิ และการควบคุมพลังงานในแต่ละส่วนของอาคาร เพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับโครงสร้างและปัจจัยอื่น ๆ ในอาคาร เพื่อที่นอกจากจะนำมาปรับแผนการใช้พลังงานแล้ว ยังสามารถวางแผนปรับเปลี่ยนโครงสร้างต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดได้
การจะเริ่มต้นใช้ข้อมูลนั้น ควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในโซลูชันด้านข้อมูล เพื่อให้แต่ละองค์กรได้โซลูชันและแนวทางการวิเคราะห์ที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมกับองค์กร ไม่ทำให้การปฏิบัติการติดขัด ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับลดการใช้พลังงานได้อย่างยั่งยืน
2. ใช้ข้อมูลเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้ได้สูงสุด
หลังจากเราทำความเข้าใจการใช้พลังงานในองค์กรโดยรวม การใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น ความต้องการพลังงาน และปัจจัยด้านโครงสร้างต่าง ๆ แล้ว แนวทางต่อมาคือการวางแผนจากข้อมูลเหล่านั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้ได้สูงสุด ด้วยการทำ Building Energy Optimization
โดยในขั้นตอนนี้เราจะนำข้อมูลการใช้พลังงานของอาคาร มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ เช่น อัตราการใช้งานและค่าไฟในช่วง Peak หรือประเมินเพื่อหาส่วนที่มีการใช้พลังงานมากที่สุด วางแผนปรับลดพลังงานในทุกส่วนที่ทำได้ให้ครอบคลุมไม่ให้มีช่องโหว่ และวางแผนการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ เช่น การนำแรงดันไอน้ำที่ได้จากการทำงานของเครื่องจักร กลับมาผลิตเป็นพลังงานความร้อน
นอกจากการใช้โซลูชันด้านข้อมูล การนำเทคโนโลยีเอไอ ที่สามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่า มาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ให้ลึกลงไปอีกขั้น ก็เป็นอีกทางเลือกที่มีผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการเช่นเดียวกัน
3. ออกแบบและคอยดูแลระบบการจัดการพลังงาน
หลังจากสามารถเข้าใจการใช้พลังงานในองค์กร พร้อมทั้งวางแผนปรับลดและปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว อีกขั้นตอนสำคัญคือการสร้างแพลตฟอร์มที่สามารถควบคุมและจัดการพลังงานตามแนวทางใหม่นี้ให้ทำงานได้อย่างไร้ที่ติ โดยใช้โซลูชันด้านข้อมูลมาช่วยดูแลการทำงานแบบเรียลไทม์ด้วยระบบ Building Energy Management
ซึ่งจะทำได้ตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูลด้านพลังงานจากทุกส่วนของอาคาร และทุกระบบปฏิบัติการแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์และตรวจสอบการทำงานของส่วนต่าง ๆ ว่าเป็นไปตามที่วางแผน รวมถึงใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการสั่งการปรับเปลี่ยนระดับการใช้พลังงานในแต่ละส่วนแบบเรียลไทม์ได้เพื่อให้การใช้พลังงานในทุกส่วนอยู่ในระดับที่ไม่สิ้นเปลือง และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงมีการจัดทำรีพอร์ตรายงานการใช้พลังงานในแต่ละช่วงเวลา จากแต่ละแหล่งพลังงาน หรือในแต่ละส่วนอาคาร เพื่อให้องค์กรสามารถติดตามผลได้อย่างครอบคลุม
ซึ่งในส่วนนี้ นอกจากการใช้โซลูชันด้านข้อมูลแล้ว เรายังสามารถใช้เทคโนโลยีเอไอเข้าไปช่วยจัดการติดตาม วิเคราะห์ และทำการตัดสินใจเรื่องพลังงานต่าง ๆ อย่างอัตโนมัติ รวมไปถึงคอยดูแลการควบคุมและจ่ายพลังงานให้ส่วนต่าง ๆ ของอาคาร ควบคุมอุณหภูมิให้สอดคล้องกับอากาศภายนอกในช่วงเวลาต่าง ๆ และรายงานผลทั้งหมดแบบเรียลไทม์ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้พลังงานของเราจะได้รับการควบคุมให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและสิ้นเปลืองน้อยที่สุดตลอด 24 ชั่วโมง
การหันมาใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจและร่วมกันแก้ไขปัญหาโลกร้อน เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจควรพิจารณา เพื่อให้ธุรกิจสามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืนในโลกที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันด้านพลังงานจากเซอร์ทิส: https://www.sertiscorp.com/solutions
Comments