top of page
รูปภาพนักเขียนAnantaya Pornwichianwong

IA คืออะไร? ต่างจาก AI อย่างไร? เทรนด์ใหม่ที่ช่วยยกระดับธุรกิจ



หมดความกังวลว่าเอไอจะแทนมนุษย์ กับ IA เทรนด์เอไอแบบใหม่ที่มาทำให้มนุษย์เก่งขึ้น!


ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมานี้ มีการพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเอไอรูปแบบต่าง ๆ มากมาย ที่ทำงานหลากหลายแทนมนุษย์เราได้ และหนึ่งในนั้นคือ IA หรือ Intelligence Augmentation ซึ่งตัวย่อนั้นชวนให้สับสนกับเอไอมาก แต่จริง ๆ แล้ว IA ก็ถือเป็นเอไอรูปแบบหนึ่งที่มุ่งเป้าการทำงานในรูปแบบที่ต่างกับเอไออื่น ๆ เท่านั้น


กล่าวคือ โดยปกติแล้วเราจะมีความรับรู้เกี่ยวกับเอไอในรูปแบบของเทคโนโลยีที่เข้ามาทำงานต่าง ๆ “แทน” มนุษย์เรา จนการรับรู้นี้ก่อให้เกิดความกลัวว่าวันหนึ่งเอไอจะขึ้นมาทดแทนมนุษย์ ทำให้มนุษย์ตกงาน ไปจนถึงขั้นครองโลก


แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้พัฒนามากมายยังคงมองเห็นข้อจำกัดด้านสติปัญญาของเอไอ ที่ยังไม่สามารถมีความอัจฉริยะ การคิดวิเคราะห์ และความเข้าใจในแบบที่มนุษย์มี ทำให้เอไอยังคงมีข้อจำกัดในการทำงานบางอย่างที่แทนมนุษย์ไม่ได้ การยอมรับและเข้าใจข้อจำกัดนี้ผลักดันไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยี IA รูปแบบใหม่ ที่เปลี่ยนเป้าหมายจากทำแทน เป็นการช่วยสนับสนุนให้มนุษย์ใช้สติปัญญาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพกว่าเดิม และยกระดับธุรกิจและการทำงานต่าง ๆ ได้ในแบบที่ยังคงมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง



IA คืออะไร?


IA ย่อมาจาก Intelligence Augmentation ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีเอไอรูปแบบที่จะเป็นผู้ช่วย ที่มุ่งพัฒนาความอัจฉริยะให้มนุษย์เรา โดยคำว่า Augmentation นั้นหมายความว่า ‘การเสริม’ หรือ ‘การเพิ่ม’ นั่นเอง โดย IA เป็นเทคโนโลยีเอไอประเภทที่เข้ามาช่วยเสริมความสามารถของมนุษย์ พัฒนาความฉลาดของเราให้ก้าวหน้า โดยที่ไม่ได้มีเป้าหมายในการมาแทนที่เรา เป็นการร่วมมือระหว่างเทคโนโลยีและมนุษย์อย่างแท้จริง


IA มีชื่อเรียกหลากหลายรูปแบบ อาทิ Amplification, Assistive Intelligence, Machine Augmented Intelligence, หรือ Cognitive Augmentation ซึ่งเทคโนโลยีในกลุ่ม IA นั้นจะเน้นไปทางเทคโนโลยีที่เป็นผู้ช่วยให้มนุษย์ตัดสินใจและทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เช่น เทคโนโลยี Natural Language Processing อย่าง Siri ที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวให้มนุษย์ เทคโนโลยี Image Processing ประมวลผลภาพ ช่วยวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ให้แพทย์วินิจฉัยโรคหรือตัดสินใจทางการแพทย์ หรือการใช้เทคโนโลยีพัฒนาฐานข้อมูลคลังความรู้ (Knowledge Bases) เป็นต้น



IA แตกต่างจาก AI อย่างไร?


ถ้าให้พูดง่าย ๆ ก็คือ IA เป็น AI รูปแบบหนึ่งนั่นเอง กล่าวคือ เวลาเราพูดถึงเอไอ เรามักจะพูดถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องจักรนั้นทำงานแบบที่มนุษย์เราทำได้ มีสติปัญญาในแบบที่มนุษย์เรามองว่าเป็นความอัจฉริยะที่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ IA ก็คือเทคโนโลยีในกลุ่มนี้เช่นกัน แต่เป็นกลุ่มประเภทที่ทำงานแทนเราในบางส่วน มีเป้าหมายในการทำตัวเหมือนเป็นผู้ช่วย ที่จะช่วยให้เราคิดวิเคราะห์และตัดสินใจได้ดีขึ้น ไม่ได้หวังจะแทนที่หรือมีสติปัญญาทัดเทียมมนุษย์ ในขณะที่เอไอในแบบที่เราคุ้นเคยจะเน้นทำงานแทนเราไปเลย โดยตัดแรงงานมนุษย์ออกจากกระบวนการได้สิ้นเชิง


ในขณะที่เอไอวางเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการ แต่ IA วางมนุษย์ไว้เป็นศูนย์กลาง และวางเทคโนโลยีเป็นเพียงกองหนุนเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้ IA สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดบางเรื่องที่ยังคงมีอยู่ในเอไอได้



ตัวอย่างของการประยุกต์ใช้ IA


การประยุกต์ใช้ IA ในการทำงานของธุรกิจนั้น เน้นหลักไปที่การทำงานกับข้อมูล โดยเราสามารถใช้ IA ในการรวบรวมข้อมูล Big Data จัดระเบียบและทำความสะอาดข้อมูล วิเคราะห์ให้ได้ข้อมูลเชิงลึกอย่างรวดเร็วแบบเรียลไทม์ นำเสนอเทรนด์หรือข้อมูลที่น่าสนใจให้กับเรา และใช้เทคโนโลยี NPL ในการนำเสนอข้อมูลให้เป็นธรรมชาติและเข้าใจง่ายมากขึ้น เพื่อให้เรานำมาประกอบการตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย


IA ช่วยให้เราสามารถดำเนินธุรกิจอย่างชาญฉลาดได้ด้วยนวัตกรรมในมือ ในขณะที่มีวิธีคิดและความเข้าใจแบบมนุษย์เป็นหัวเรือหลัก เหมาะกับในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีข้อมูลมหาศาลเกิดขึ้นทุกวัน จะพึ่งแค่เอไออย่างเดียวก็ไม่ได้เพราะไม่มีสสติปัญญาในการวิเคราะห์มากพอ หรือพึ่งมนุษย์อย่างเดียวก็เชื่องช้าเกินไป ทำให้ IA คือเทคโนโลยีรูปแบบที่ตอบโจทย์ในสถานการณ์เช่นนี้ นอกจากเรื่องของข้อมูลแล้ว การใช้ IA ยังมีตัวอย่างมากมายในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ


  • เทคโนโลยีที่มาทำงานประเภทรูทีน หรืองานซ้ำซากที่ไม่ต้องใช้ทักษะมากนักแทนมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์สามารถไปทำงานอื่น ๆ ที่สำคัญกว่าได้

  • แว่น AR ที่ช่วยในการผ่าตัดสำหรับแพทย์ หรือใช้สำหรับวิศวกรแท่นขุดเจาะน้ำมัน

  • เทคโนโลยีรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่ขับแทนได้ในถนนที่ปลอดภัย เช่น ทางด่วน แต่ในสถานการณ์ที่ยากกว่านั้นต้องอาศัยมนุษย์ในการควบคุม

  • หุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมที่คอยทำงานอันตรายแทนมนุษย์

  • โดรนตรวจสอบโครงสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูง หรือพื้นที่อันตรายแทนมนุษย์



จะเห็นได้ว่า IA มีบทบาทในการสร้างโซลูชันมากมายในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ การค้า โทรคมนาคม อุตสาหกรรมการผลิต และการขนส่ง รวมถึงอื่น ๆ อีกมากมาย โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือการช่วยเป็นแรงหนุนให้ความสามารถในการคิด การเข้าใจ การวางกลยุทธ์ของมนุษย์เราเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยกระดับไปให้ไกลได้อีก

เพราะปัจจุบันนี้ความสามารถของเทคโนโลยี ยังไปไม่ถึงในระดับที่ทดแทนสติปัญญาของมนุษย์เราได้ และอาจไม่สามารถไปถึง การเน้นบทบาทของเทคโนโลยีไปที่การสนับสนุนสติปัญญาของเราจึงเป็นทางออกที่เหมาะสม


นี่คือตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีในรูปแบบที่ส่งเสริมกันและกัน หมดความกังวลว่าเอไอจะมาแทนมนุษย์ และยังสามารถใช้เทคโนโลยีในการยกระดับชีวิตและการทำงานของมนุษย์ให้ล้ำไปอีกขั้น สร้างประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนและดีต่อมนุษยชาติ เราสามารถเริ่มปรับใช้เทคโนโลยีไปกับการดำเนินธุรกิจของเราได้ตั้งแต่วันนี้กับเซอร์ทิส ผู้ให้บริการด้านโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม ใช้พลังของเทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างสรรค์โซลูชันที่พาธุรกิจของคุณก้าวไปข้างหน้า


เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันจากเซอร์ทิสได้ที่: https://www.sertiscorp.com/


Comments


bottom of page