top of page
รูปภาพนักเขียนAnantaya Pornwichianwong

รู้จัก Generative AI เทคโนโลยีฉลาดล้ำเบื้องหลัง ChatGPT



ในปีที่ผ่านมา ChatGPT และ DALL·E 2 ได้เรียกเสียงฮือฮาจากทั่วโลก ด้วยความสามารถในการสนทนาและการสร้างผลงานที่ใกล้เคียงกับความคิดสร้างสรรค์และความเป็นธรรมชาติของมนุษย์


เทคโนโลยีเหล่านี้จัดอยู่ในเอไอประเภทที่เรียกว่า Generative AI ซึ่งเป็นเอไอที่มีความสามารถในการสร้างเนื้อหาใหม่และไอเดียจากข้อมูลที่เรียนรู้มา ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเอไอสามารถทำงานได้หลากหลายนอกเหนือจากการคำนวณเชิงคณิตศาสตร์ ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันเอไอที่พัฒนาจาก Generative AI เพื่อสร้างเนื้อหาประเภทต่าง ๆ ให้เลือกใช้กันหลากหลาย


ในบทความนี้เซอร์ทิสจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Generative AI พร้อมประโยชน์และแนวทางการนำไปใช้ในแวดวงธุรกิจ ที่จะสร้างมูลค่าให้ธุรกิจได้มหาศาล


Generative AI คืออะไร?


Generative AI หรือ Gen-AI คือเอไอประเภทหนึ่งที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์เนื้อหาประเภทต่าง ๆ อาทิ ข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ รวมไปถึงข้อมูลสังเคราะห์ (Synthetic Data) โดย Generative AI สามารถเรียนรู้จากข้อมูลมหาศาลที่เราป้อนเข้าไป และสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครขึ้นมาได้ โดย Generative AI ไม่ได้นำข้อมูลที่เคยเรียนรู้มาตัดแปะกัน แต่เป็นการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ขึ้นมา โดยต่อยอดจากสิ่งที่เรียนรู้มา เรียกได้ว่าทำงานคล้ายคลึงกับสมองของมนุษย์เราขึ้นไปอีกระดับ


สาเหตุที่ทำให้ Generative AI สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก เนื่องจากเดิมที เอไอเป็นที่รู้จักกันในด้านความสามารถในการคำนวณและประมวลผลเชิงตรรกะ วิเคราะห์ข้อมูล และคาดการณ์ผลลัพธ์ที่เป็นข้อมูลหรือตัวเลข แต่การพัฒนาของ Generative AI ทำให้โลกได้เห็นว่าเอไอเองก็มีความสามารถเชิงสร้างสรรค์เช่นเดียวกัน


ความสามารถของ Generative AI ทำให้เราต้องกลับมาทบทวนเส้นแบ่งระหว่างความสามารถของเอไอและมนุษย์ ซึ่ง Generative AI ถือได้ว่ามีความสามารถที่ใกล้เคียงกับความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ แม้จะยังอาศัยการเรียนรู้จากข้อมูลอยู่ แต่ก็สามารถสร้างเนื้อหาที่สมจริงและมีคุณภาพสูงไม่แพ้งานของมนุษย์เลย


Generative AI มีกี่ประเภท?


Generative AI มีหลากหลายประเภท แบ่งตามความสามารถในการสร้างเนื้อหาในรูปแบบที่แตกต่างกัน อาทิ

  1. Text-to-Text: สามารถสร้างข้อความจากหัวข้อที่ป้อนลงไปได้ เช่น ChatGPT ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ และทำตามคำสั่ง เช่น ให้เขียนอีเมล แปลภาษา สรุปเนื้อหา หาข้อมูล หรือเขียนบทความได้

  2. Text-to-Image: สามารถสร้างภาพใหม่จากหัวข้อหรือคำบรรยายที่ป้อนลงไป เปลี่ยนแปลงและต่อเติมภาพเดิม หรือเปลี่ยนสไตล์ของภาพตามที่ผู้ใช้ต้องการได้ เช่น Midjourney Stable Diffusion และ DALL·E 2

  3. Text-to-Video: สามารถสร้างวิดีโอเองจากหัวข้อ เสียงบรรยาย หรือภาพหลาย ๆ ภาพที่เราป้อนเข้าไปได้ โดยสามารถสร้างแอนิเมชัน และเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย

  4. Text-to-Task: สามารถทำตามคำสั่งที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไปได้ เช่น ให้แก้ไขเอกสาร วิเคราะห์ข้อมูลหา Insight หรือตอบคำถามต่าง ๆ

  5. Voice Synthesis: สร้างเสียงพูดสังเคราะห์จากข้อความอย่างสมจริงและเป็นธรรมชาติ เพื่อนำไปใช้ในการพากย์เสียงหรือใช้กับระบบสั่งการด้วยเสียง

  6. Music Composition: สามารถสร้างเสียงดนตรีขึ้นมาจากคำสั่งที่ป้อนลงไปได้หลากหลายสไตล์ตามที่โมเดลได้เรียนรู้

  7. Data Augmentation: สามารถสร้างชุดข้อมูลสังเคราะห์ (Synthetic Data) ขึ้นมาเพื่อให้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงอื่น ๆ ใช้เรียนรู้ได้ ในกรณีที่ชุดข้อมูลไม่เพียงพอ โดยโมเดลจะเรียนรู้จากชุดข้อมูลที่มีอยู่ และสร้างข้อมูลที่สมจริงในรูปแบบเดียวกันขึ้นมา

  8. Code Generation: สามารถเขียนโค้ดได้ตามคำสั่ง​ โดยเรียนรู้จาก Libraries ที่เปิดเป็นสาธารณะ ทำให้เข้าใจแนวทางการเขียนโค้ดแบบต่าง ๆ และสามารถเขียนโค้ดได้หลากหลายภาษา พร้อมช่วยตรวจสอบโค้ดของเราได้ เช่น เครื่องมือ GitHup Copilot


สำหรับใครที่สนใจอยากทำความรู้จักเครื่องมือจาก Generative AI สุดล้ำ ที่ช่วยทำงานด้านต่าง ๆ ให้เราได้ สามารถอ่านต่อได้ที่บทความ ‘8 เครื่องมือ AI เพิ่ม Productivity ที่ของมันต้องมี!’


Generative AI มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร?


Generative AI เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นให้ทั่วโลก และส่งผลกระทบในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถสร้างศักยภาพและผลประโยชน์ใหม่ ๆ ให้ธุรกิจได้ในแง่มุมต่อไปนี้


  1. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ด้วยการเข้ามาเป็นผู้ช่วยในงานต่าง ๆ เช่น ใช้ Generative AI สร้างสรรค์เนื้อหาที่มีคุณภาพ หรือคิดไอเดียใหม่ ๆ ที่เราอาจคิดไม่ถึง แล้วจึงต่อยอดพัฒนางานจากเนื้อหาหรือไอเดียเหล่านั้นได้ หรือช่วยเสนอแนวทางการทำงาน เช่น การวางแผนตารางงานที่เหมาะสม หรือการโต้ตอบกับลูกค้าที่ดี ทำให้พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

  2. ลดเวลาและต้นทุนในการทำงาน ด้วยการเข้ามาทำงานรูทีนต่าง ๆ แทนพนักงานได้ เช่น ช่วยเขียนอีเมล ช่วยแปลเนื้อหา ช่วยหาข้อมูล หรือทำรีพอร์ตรายงานผล ทำให้พนักงานสามารถประหยัดเวลาในการทำงาน หรือการใช้เอไอช่วยระดมไอเดียและเป็นผู้ช่วยให้เราสามารถสร้างเนื้อหาต่าง ๆ เช่น บทความ ภาพกราฟิก หรือโค้ด ได้เร็วขึ้น ก็ช่วยลดต้นทุนของธุรกิจได้เป็นอย่างยิ่ง

  3. ควบคุมคุณภาพของงาน ธรรมชาติของเอไอมีสายตาที่แม่นยำทำให้มองเห็นจุดผิดพลาดที่อาจหลุดรอดสายตาของเราไปได้ Generative AI จึงเป็นเครื่องมือชั้นยอดที่จะช่วยควบคุมคุณภาพของงานได้ เช่น ช่วยตรวจสอบคำสะกดในงานเขียน ช่วยตรวจสอบโค้ด หรือตรวจดูความเรียบร้อยของกระบวนการทำงาน

  4. สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า การใช้ Generative AI มาทำแทนในส่วนของงานที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เช่น การสร้างเนื้อหาแบบ Personalization ให้ลูกค้ารายบุคคลก็สามารถทำได้รวดเร็วขึ้นหลายเท่า หรือการสร้าง Chatbot พูดคุยโต้ตอบกับลูกค้า ช่วยให้ลูกค้าได้รับบริการที่รวดเร็ว และได้ประสบการณ์การพูดคุยที่เป็นธรรมชาติและช่วยแก้ปัญหาได้จริง


ซึ่งประโยชน์ทั้งสี่ข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่เมื่อประกอบกันแล้วสามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถดึงดูดลูกค้า สร้างยอดขายและผลกำไรที่มากขึ้น ไปจนถึงสามารถขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมได้



ตัวอย่างการนำ Generative AI ไปประยุกต์ใช้ในงานด้านต่าง ๆ


  • สร้างสรรค์คอนเทนต์ต่าง ๆ เช่น ในงานด้านการตลาดที่ต้องใช้ข้อความโฆษณา คำอธิบายสินค้า โพสต์ในโซเชียลมีเดีย เราก็สามารถให้ Generative AI ช่วยเขียนให้ในขั้นต้น ซึ่งก็จะได้ผลงานที่มีความเป็นธรรมชาติ และออกแบบสไตล์การเขียนได้ตามต้องการ จากนั้นจึงปรับแก้ต่อให้งานมีคุณภาพ ช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน และเพิ่มคุณภาพให้งานเขียนได้ อย่างเช่น Copy.ai ผู้ให้บริการโซลูชันด้าน Generative AI ในการเขียนคอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ รวมถึงเป็นผู้ช่วยตรวจคำ หรือแปลภาษาให้ได้อีกด้วย


  • สร้างสรรค์ภาพในงานดีไซน์ โดยเราสามารถใช้ Generative AI เข้ามาช่วยสร้างภาพกราฟิกตามที่เราต้องการ เพื่อนำไปใช้ประกอบการดีไซน์ภาพต่าง ๆ เช่น ภาพสำหรับโพสต์ในโซเชียลมีเดีย หรือแบนเนอร์โฆษณา ช่วยลดเวลาในการหาภาพประกอบ และลดต้นทุนในการซื้อภาพได้ นอกจากนี้ในงานด้านการออกแบบในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เราก็สามารถใช้ไอเดียจาก Generative AI ให้ช่วยออกแบบขั้นต้นได้ เช่น ออกแบบแปลนห้อง แพทเทิร์นเสื้อผ้า เพื่อประหยัดเวลาและได้ไอเดียที่เปิดกว้างขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Adobe ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อย่าง Photoshop ซึ่งได้นำเทคโนโลยี Generative AI มาประยุกต์เป็นชุดเครื่องมือ Adobe Firefly ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างภาพจากการป้อนคำบรรยาย หรือขยายพื้นหลังภาพได้


  • สร้างประสบการณ์แบบ Personalization Generative AI สามารถเข้ามาช่วยทุ่นแรงในการสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะเจาะจงให้ลูกค้ารายบุคคลได้ เช่น การสร้างข้อความการตลาดที่สื่อสารกับลูกค้ารายบุคคล หรือช่วยแนะนำสินค้าและบริการให้ลูกค้าตามความชอบได้ ช่วยลดเวลาการทำ Personalization พร้อมสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้ลูกค้าได้โดยใช้เวลาน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น Netflix แพลตฟอร์มสตรีมมิงยักษ์ใหญ่ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ใช้ Generative AI ในการช่วยแนะนำเนื้อหาให้ผู้ใช้ได้อย่างตรงใจ


  • ยกระดับการบริการลูกค้า หนึ่งในความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของ Generative AI คือการสนทนาตอบโต้กับผู้ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่างที่เห็นได้ชัดในความสามารถของ ChatGPT การนำ Generative AI มาประยุกต์ใช้เป็น Chatbot ให้บริการลูกค้าจึงเป็นทางเลือกที่มีประโยชน์ โดย Generative AI สามารถเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของลูกค้าผ่านทางข้อความ และตอบกลับได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น Salesforce ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ก็ได้สร้าง Generative AI Chatbot ที่ชื่อว่า Einstein AI ที่สามารถตอบคำถามได้อย่างรวดเร็ว ชาญฉลาด และเป็นธรรมชาติ


  • เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ Generative AI สามารถทำงานต่าง ๆ ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายได้ เช่น ผู้ใช้สามารถให้ Generative AI ช่วยสรุปเนื้อหา ทำรายงานผล วิเคราะห์ข้อมูล ดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลและแสดงผลในรูปแบบต่าง ๆ หรือช่วยหาข้อมูลต่าง ๆ ได้ ดังนั้น Generative AI จึงสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเสมือนจริง (Virtual Assistant) ที่ช่วยทุ่นแรงให้พนักงานได้เป็นอย่างดี โดยไม่นานมานี้ Google เปิดเผยว่ามีแผนที่จะนำ Generative AI เข้ามาประยุกต์ใช้กับ Google Assistant เพื่อให้สามารถทำงานที่ซับซ้อนกว่าเดิม เช่น วางแผนทริปเที่ยว หรือเขียนอีเมลได้


Generative AI เป็นเทคโนโลยีสารพัดประโยชน์ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกการทำงาน หากเราเรียนรู้และประยุกต์ใช้ Generative AI ในการทำงานอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยลดทั้งต้นทุน เวลา และเพิ่มคุณภาพของงานให้เหนือระดับได้


แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการใช้ Generative AI ควบคู่กับความเชี่ยวชาญของมนุษย์อย่างถูกวิธี เรายังคงไม่สามารถพึ่งพา Generative AI เพียงอย่างเดียวในการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพ การทำงานร่วมกันระหว่างเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของมนุษย์เท่านั้นที่จะช่วยสร้างสรรค์ผลงานที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงได้


ที่เซอร์ทิส เราคือผู้ให้บริการโซลูชันด้านเอไอและดาต้าชั้นนำ ที่พร้อมด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะปลดล็อกศักยภาพของ Generative AI ด้วยโซลูชันที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวของธุรกิจ ช่วยคุณสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในทุกอุตสาหกรรม


เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันจากเซอร์ทิสได้ที่: https://www.sertiscorp.com/solutions


Comments


bottom of page