เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning, ML) ได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ บริษัทต่างก็ได้มีการนำแมชชีนเลิร์นนิงมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานและในบริการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้งานเหล่านั้นกันอย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุนี้การเลือกสรรเครื่องมือในการพัฒนาโซลูชันแมชชีนเลิร์นนิง จึงต้องมีคุณสมบัติด้านความสามารถในการรองรับการขยายขนาดการทำงาน (Scalability) ประสิทธิภาพ และเหนือสิ่งอื่นใด คือความง่ายและสะดวกในการใช้งาน แพลตฟอร์มเอไอที่สามารถตอบโจทย์ในคุณสมบัติเหล่านี้ได้ จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพได้ง่ายขึ้น
Google Vertex AI คือหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ผสานพลังของเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงเข้ากับระบบคลาวด์ (Cloud) ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการรองรับการขยายขนาด และความง่ายและสะดวกสบายในการใช้งาน จึงได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นแพลตฟอร์มใช้งานง่ายในขณะที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่ง Vertex AI คือหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Google ในการเปิดโอกาสให้องค์กรทั้งเล็กและใหญ่สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากศักยภาพของเทคโนโลยีเอไอได้อย่างทั่วถึง โดย Vertex AI เป็นชุดเครื่องมือที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนในการพัฒนาโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง ตั้งแต่ขั้นตอนการนำเข้าข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ (Ingestion) ไปจนถึงการเทรนโมเดล (Training) การประเมินผล (Evaluation) ไปจนถึงการนำโมเดลขึ้นระบบ (Deployment) ซึ่ง Vertex AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วของกระบวนการเหล่านี้
ตัวอย่างความสามารถของ Vertex AI มีหลากหลาย ดังนี้:
Vertex AI มีอินเตอร์เฟซ (Interface) แบบรวมศูนย์ที่ใช้งานง่าย ช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการพัฒนาโมเดล และสะดวกต่อการใช้งานสำหรับทั้งทีม Data Scientist และทีม Developer รวมไปถึงมีการใช้ AutoML ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือแมชชีนเลิร์นนิงแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างโมเดลประสิทธิภาพสูงได้อย่างรวดเร็ว
Vertex AI ใช้โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) จาก Google ทำให้มีความสามารถในการรองรับการขยายการทำงาน และมีประสิทธิภาพสูง ถือเป็นเครื่องมือระดับสูงที่สามารถใช้ติดตามความก้าวหน้าของโมเดล แก้ไขจุดบกพร่อง (Debugging) และการปรับโมเดลให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด (Optimization) ได้
ตัวอย่างการนำ Vertex AI ไปประยุกต์ใช้งานจริง
Vertex AI เป็นแพลตฟอร์มที่มีความสามารถหลากหลาย และนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลายรูปแบบ ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาและนำโมเดลไปใช้งานจริงได้ในขอบเขตของงานที่แตกต่างกันได้หลากหลาย
วิเคราะห์ ภาพ และวิดีโอ- Vertex AI สามารถใช้พัฒนาโมเดลที่วิเคราะห์ภาพและฟุตเทจวิดีโอได้อัตโนมัติ โดยสามารถแยกประเภทของวัตถุ ตรวจจับรูปแบบ ตรวจจับคุณลักษณะเฉพาะ ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างโซลูชันได้หลากหลาย เช่น ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ หรือระบบควบคุมคุณภาพสินค้าด้วยเอไอ เป็นต้น
Natural Language Processing - Vertex AI สามารถใช้ในการพัฒนาโมเดลที่สามารถเข้าใจและตีความภาษาของมนุษย์ได้ ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างโซลูชันด้านภาษาที่ทำงานได้อัตโนมัติ และสื่อสารได้เหมือนมนุษย์ เช่น แชทบอท และระบบสั่งการด้วยเสียง
Time Series Forecasting - Vertex AI สามารถนำมาสร้างโมเดลที่ใช้การคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคตได้ โดยช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์แนวโน้มต่าง ๆ คาดการณ์ความต้องการ หรือตรวจจับรูปแบบของข้อมูล โดยใช้ข้อมูลในอดีตได้
Vertex AI ปลดล็อกศักยภาพให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าต่อธุรกิจ และเสริมพลังให้ธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน เพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า และทำการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้นั่นเอง
ที่เซอร์ทิสเอง ก็ได้ใช้ความสามารถของ Vertex AI ในการสร้างสรรค์โซลูชันนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ การนำ Vertex AI มาประยุกต์ใช้ในขั้นตอนการพัฒนาโซลูชันของเราช่วยให้เราสามารถส่งต่อนวัตกรรมที่ก้าวหน้า เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมได้
ติดต่อเราเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และตัวอย่างโซลูชันจาก Vertex AI ได้ที่ https://www.sertiscorp.com/contact-us
Comments