top of page
รูปภาพนักเขียนAnantaya Pornwichianwong

4 ทิศทางการเปลี่ยนแปลง ที่ธุรกิจค้าปลีกต้องเตรียมรับมือ



ปีนี้เทรนด์ในอุตสาหกรรมค้าปลีกจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน เซอร์ทิสชวนทุกคนมาสำรวจกัน


อุตสาหกรรมค้าปลีกนั้น เดิมทีเป็นอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันที่สูงมากอยู่แล้ว  ยิ่งในปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยีเอไอที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างความเปลี่ยนแปลงในการดำเนินงาน ผู้เล่นในอุตสาหกรรมค้าปลีกจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกระแสความนิยม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา


บทความนี้เซอร์ทิสรวบรวม 4 ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมค้าปลีกที่จะเกิดขึ้นในปี 2024 นี้ เพื่อให้ธุรกิจค้าปลีกเตรียมพร้อมรับมือให้ทัน และเติบโตไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้



1.การให้ความสำคัญกับประสบการณ์แบบ Hyper-Personalization


ในปี 2023 ที่ผ่านมา เราได้เห็นการนำเอไอมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมค้าปลีก ในด้านของการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหา Insight ที่จะช่วยให้เราสามารถสร้างสินค้าและประสบการณ์แบบ Hyper-Personalization ให้ลูกค้ารายบุคคลได้ ในปีนี้อุตสาหกรรมค้าปลีกก็จะยังคงมุ่งเน้นด้านการสร้างประสบการณ์แบบ Hyper-Personalization ให้กับลูกค้าต่อไป และด้วยเทคโนโลยีเอไอที่ก้าวหน้ามากขึ้น ก็จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถสร้างประสบการณ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นได้ 


โดยในปี 2024 การสร้างประสบการณ์แบบ Personalization ธรรมดานั้น อาจกลายเป็นมาตรฐานที่ธุรกิจค้าปลีกทุกธุรกิจต้องทำให้ได้ แต่ผู้ที่จะโดดเด่นได้นั้น ต้องเป็นธุรกิจค้าปลีกที่สามารถสร้างประสบการณ์แบบ Hyper-Personalization ที่ครอบคลุมตลอด Journey ของลูกค้า โดยต้องวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อทำความเข้าใจความต้องการ และตามทันการเปลี่ยนแปลงของลูกค้า และวางกลยุทธ์การตลาดอย่างเจาะจงในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสร้างข้อความการตลาดที่เฉพาะเจาะจงและดึงดูดใจลูกค้า นำเสนอสินค้าที่ลูกค้าแต่ละคนอาจจะสนใจ ทำการ Up-Selling และ Cross-Selling หลังจากเลือกสินค้าลงตะกร้า นำเสนอโปรโมชันที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อลูกค้าแต่ละบุคคล เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ในท้ายที่สุด และกลับมาใช้บริการอีกในอนาคต


เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำการตลาดแบบ Personalization ได้ที่บทความ Personalization Marketing กลยุทธ์ซื้อใจลูกค้าด้วยความใส่ใจ




2.การมองหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่ด้วย Generative AI


Generative AI คือ เอไอประเภทที่สามารถเข้าใจเนื้อหาที่เป็นภาษาธรรมชาติ และทำตามคำสั่งต่าง ๆ เช่น การสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ ตามที่เราต้องการได้อย่างรวดเร็ว ทั้งภาพ ข้อความ หรือเสียงต่าง ๆ ซึ่ง Generative AI ก็ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ หลากหลาย ในอุตสาหกรรมค้าปลีกเอง ก็สามารถใช้ Generative AI มาช่วยยกระดับการทำงานได้ เช่น การใช้ Generative AI มาช่วยจัดระเบียบข้อมูลสินค้า สร้างแชทบอทช่วยตอบข้อความลูกค้า หรือแปลภาษาเนื้อหาต่าง ๆ 


ในปี 2024 นี้ ลูกค้าเองก็จะเริ่มมองหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีก ซึ่งธุรกิจค้าปลีกที่ใช้ Generative AI มาช่วยนั้นก็มีแนวโน้มที่จะสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ตามที่ลูกค้าต้องการได้ อาทิ การนำ Generative AI มาสร้างภาพกราฟิกและคิดไอเดียคอนเทนต์ที่แปลกใหม่ เช่น คำโฆษณาต่าง ๆ บทความเกี่ยวกับสินค้า หรือคำอธิบายสินค้าที่น่าสนใจมากขึ้น ให้เราไปพัฒนาต่อได้ รวมไปถึงการนำ Generative AI มาพูดคุยให้ความช่วยเหลือลูกค้า เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวตลอดกระบวนการการซื้อสินค้า เป็นต้น



3.การให้ความสำคัญกับความรวดเร็ว


จากผลสำรวจของ Accenture เปิดเผยว่า 64 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าต้องการให้ธุรกิจค้าปลีกตอบสนองความต้องการของตนเองได้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตอบข้อสงสัย ส่งสินค้า หรือกระบวนการคืนสินค้าต่าง ๆ จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาในปี 2024 นี้


ซึ่งธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้เครื่องมือเอไอเข้ามาช่วยในการเพิ่มความรวดเร็วและอำนวยความสะดวกในกระบวนการต่าง ๆ เช่น การใช้เอไอช่วยให้บริการลูกค้า คาดการณ์ความต้องการของลูกค้า จัดการคลังสินค้า และวางแผนการขนส่ง เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้รวดเร็วขึ้นได้นั่นเอง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เครื่องมือเอไอเพื่อเก็บข้อมูลฟีดแบคของลูกค้า ทำความเข้าใจความต้องการ และตามติดกระแสหรือเทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อให้ปรับตัวตามความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด



4.การกลับมาของการซื้อสินค้าหน้าร้าน


ช่วงที่ผ่านมาเราอาจจะคุ้นชินกับเทรนด์ของการซื้อสินค้าทางออนไลน์และส่งตรงถึงหน้าบ้าน แต่ในปี 2024 นี้ เทรนด์การซื้อสินค้าหน้าร้านจะกลับมาอีกครั้ง ด้วยปัญหาเรื่องการคืนสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และปัญหาด้านค่าขนส่ง ซึ่งผลสำรวจจาก PwC เผยว่าลูกค้ากว่า 40 เปอร์เซ็นต์สนใจจะกลับไปซื้อสินค้าหน้าร้าน เนื่องจากไม่สามารถรับภาระค่าขนส่งได้ นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องความต้องการใช้สินค้าที่รวดเร็วขึ้นอีกด้วย


ธุรกิจค้าปลีกจึงควรกลับมาให้ความสำคัญกับการขายสินค้าหน้าร้าน พร้อมทั้งสร้างประสบการณ์ที่ลื่นไหลและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทุกช่องทางแบบ Omnichannel โดยมีการดูแลลูกค้าแบบ Hyper-Personalization ในเว็บไซต์และร้านค้าออนไลน์ พร้อม ๆ ไปกับการสร้างประสบการณ์ที่พิเศษขึ้นในการมาซื้อสินค้าที่หน้าร้าน มีการบันทึกประวัติและอัปเดตข้อมูลของลูกค้ารายบุคคลที่เชื่อมต่อกันทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ต่อเนื่อง


สำหรับประเด็นนี้ เราสามารถใช้เอไอมาช่วยจัดการข้อมูลลูกค้าให้มีระเบียบและอัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์ สร้างเนื้อหาแบบ Hyper-Personalization ต่าง ๆ สำหรับช่องทางออนไลน์และสร้างฟีเจอร์อำนวยความสะดวกสำหรับการซื้อสินค้าหน้าร้านไปพร้อม ๆ กัน เช่น หลังจากลูกค้าเลือกชมสินค้าแล้ว ก็มีฟีเจอร์ Find in Store ให้ลูกค้าทราบได้ว่าจะต้องไปหาสินค้าที่ต้องการที่สาขาไหน เพื่อสร้างประสบการณ์แบบ Seamless ให้ลูกค้าทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ได้


เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำความเข้าใจลูกค้าจากพฤติกรรมการซื้อสินค้าหน้าร้านได้ที่บทความ เพิ่มยอดขาย เข้าใจลูกค้า ด้วย Video Analytics


เซอร์ทิสคือผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโซลูชันเอไอและดาต้าเพื่ออุตสาหกรรมค้าปลีก ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานร่วมกับธุรกิจชั้นนำในอุตสาหกรรมค้าปลีกมาแล้วเป็นจำนวนมาก ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในอุตสาหกรรม พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีเอไอและดาต้า เราสามารถสร้างสรรค์โซลูชันที่มีประโยชน์ และสามารถพาธุรกิจค้าปลีกให้พัฒนาก้าวหน้าในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง


เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันเพื่ออุตสาหกรรมค้าปลีกจากเซอร์ทิสได้ที่: https://www.sertiscorp.com/ai-retail

Comments


bottom of page