5 เทรนด์เอไอสำคัญที่ต้องจับตามอง จาก คุณแรนดี้ แมคกรอว์ CCO ของบริษัท Sertis
พวกเราทีมงานเซอร์ทิสกว่า 140 คน ที่มุ่งมั่นให้บริการด้านเอไอและดาต้าทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลก ขอส่งความสุขและคำอวยพรเนื่องในวันปีใหม่ 2025 แด่เหล่าลูกค้า พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจและครอบครัวเซอร์ทิสทุกท่านทั่วโลก
มองย้อนไปในปี 2024 ซึ่งเป็นปีที่โดดเด่นอย่างยิ่งสำหรับเอไอและเซอร์ทิส เราคงไม่อาจเรียกตัวเองว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอได้เลยหากไม่ใช้โอกาสนี้ในการ “ทบทวนและคาดการณ์อนาคต” จากจุดยืนของเราในฐานะศูนย์กลางของเอไอในภาคธุรกิจ
5 เทรนด์เอไอสำคัญที่ต้องจับตามอง
การสร้างผลตอบแทนเชิงบวก
Agentic AI
Unified AI Frameworks
การออกแบบ AI ให้มีความเข้าอกเข้าใจ
การปรับขนาดโมเดล AI ให้เหมาะสมขึ้น
1. การสร้าง ROI เชิงบวก
ROI หรือ ผลตอบแทนจากการลงทุน ถือเป็นหัวข้อสำคัญมาหลายปีเมื่อพูดถึงการนำเอไอมาใช้งานและเป็นปัจจัยสำคัญต่อการยอมรับเทคโนโลยีนี้ แต่ด้วยต้นทุนการใช้งานคลาวด์ที่สูง (ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง) ความเสี่ยงในการเริ่มโครงการ ค่าใช้จ่ายจากผู้ให้บริการ ระบบเก่าที่ต้องปรับปรุงให้รองรับการใช้งาน รวมไปถึงโครงสร้างข้อมูลที่ยังไม่พร้อม และข้อจำกัดด้านเงินทุน ทำให้หลายโครงการเอไอถูกมองว่า "น่าสนใจแต่ยังไม่จำเป็น" และมีความเสี่ยงสูง ทางเลือกอื่นหรือการเลื่อนโครงการออกไปจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า สุดท้ายเอไอจึงถูกลดบทบาทเป็นเพียงพื้นที่สำหรับทดลอง การเรียนรู้เกี่ยวกับ ‘สมมติฐาน’ และการเตรียมตัวสำหรับอนาคตที่ทุกคนเชื่อว่าจะมาถึง แต่ยัง "ไม่ใช่ตอนนี้"
นอกจากนี้หลายองค์กรยังขาดแนวทางการใช้เอไอที่ครอบคลุม เป็นระบบ และเชื่อมโยงทั่วทั้งองค์กร ทำให้เกิดปัญหาและสะดุดระหว่างทางเมื่อต้องพยายามสร้างเอไอบนระบบเก่า เช่น ERP, CRM และ EDI หรือใช้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่ได้แก้ไขปัญหาในระยะยาว ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีข้อจำกัดและไม่น่าพึงพอใจนัก ยิ่งถ้าหากว่าไม่มีรากฐานข้อมูลที่แข็งแกร่ง เทคโนโลยีและกระบวนการการผลิตที่ทันสมัย รวมถึงไม่มีเป้าหมายที่มีการวางแผนมาอย่างรอบคอบแล้วนั้น ผลลัพธ์ที่ได้มักจะมีแนวโน้มจบลงด้วยความน่าผิดหวัง
อย่างไรก็ตามการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จากผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ในปี 2024 การลดต้นทุนของระบบคลาวด์ การพัฒนาของ GenAI การพัฒนาผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปในอุตสาหกรรม รวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น กรณีศึกษาที่ชัดเจนและเครื่องมือที่นำมาใช้ซ้ำได้จากเซอร์ทิส ซึ่งเราพร้อมให้คำปรึกษาและติดตั้งใช้งาน ล้วนช่วยพลิกโฉมการสร้าง ROI จากการใช้งานเอไอ ให้กลับมาน่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วยการประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลายและตอบโจทย์การใช้งานในระดับองค์กร
ในปี 2024 เพียงปีเดียวเซอร์ทิสได้เริ่มโครงการ Proof of Concept (POC) กับองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศไทยถึง 25 โครงการ ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนหน้า และ ณ สิ้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมายังมีดีลโครงการเอไอขนาดกลางถึงใหญ่ซึ่งอยู่ในช่วงท้ายของการขายอีกอย่างน้อย 8 ดีล
เรื่องของ ROI ไม่ได้เป็นอุปสรรคอีกต่อไป เมื่อ ROI มีแนวโน้มไปในเชิงบวก การนำเอไอมาใช้ในโครงการก็มีมากขึ้น ซึ่งทำให้มีกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องมากขึ้นตามมาอีกด้วย อีกทั้ง Agentic AI ยังช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนในขณะที่ยังคงอยู่ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยขององค์กร ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทอย่างเซอร์ทิสที่มีแต้มต่อด้านความเชี่ยวชาญและเครื่องมือที่พร้อมใช้งานก็สามารถช่วยเพิ่ม ROI ในโครงการเอไอและดาต้าที่เราส่งมอบให้ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Agentic AI
การเกิดขึ้นของ Agentic AI ถือเป็นเทรนด์สำคัญสำหรับการทำงานในอนาคต กล่าวคือเป็นการทำงานแบบบูรณาการที่เอไอสามารถดำเนินงานต่าง ๆ ด้วยตนเองได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้สามารถร่วมมือกับพนักงานในการสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้ในทุกมิติ โดย Agentic AI มีศักยภาพที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าและสนับสนุนการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้ อีกทั้งยังตอบโจทย์ด้าน ROI และต้นทุนการลงทุน (Capex) ของทุกโครงการได้อย่างลงตัว โดยช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด รวมถึงผู้จัดการด้านการเงินและงบประมาณ มีความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับคุณค่าโดยรวมของโครงการเอไอ นอกจากนี้ Agentic AI ยังช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของโครงการ ด้วยการประเมินผลกระทบต่อกระบวนการทำงานอย่างแม่นยำและเชื่อถือได้ รวมถึงการผสานเอไอเข้ากับกระบวนการทำงานที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการแบ่งงานออกเป็นส่วนย่อยที่เข้าใจและจัดการได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ ต้นทุนสำหรับการใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ในงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ ปริมาณมาก มีผลลัพธ์หลากหลายแบบ และมีข้อกังวลด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ล้วนผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่มีการใช้งานที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งโมเดล Agentic AI ที่มีขนาดเล็กลงและออกแบบมาเพื่องานที่เฉพาะทางมากขึ้นกำลังก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกที่ทรงพลังแทนที่ LLM แบบสาธารณะ
Private LLM หรือ SLM (Small Language Models) เป็นโมเดลที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงานขององค์กรหรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเน้นการใช้งานเฉพาะด้านในองค์กรหรืองานคำนวณที่ไม่ซับซ้อน ซึ่งทำงานในระบบภายใน (On-premises) แทนที่จะอยู่บนคลาวด์ เนื่องจากปัจจุบันหลายบริษัทมีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่ต้องหลีกเลี่ยงการใช้ระบบคลาวด์สาธารณะ ซึ่งเซอร์ทิสนั้นมีทั้ง Private LLM และ SLM รวมถึง KMAI (Knowledge Management AI) ซึ่งเป็นแชทบอทภายในองค์กรที่ทรงพลังและได้รับการออกแบบมาเฉพาะสำหรับแต่ละองค์กร โดยสามารถทำงานร่วมกับ Private LLM หรือ SLM เพื่อส่งมอบคุณค่าที่วัดผลได้ให้แก่องค์กรด้วยการพัฒนางานย่อยต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแทนที่จะเปลี่ยนแปลงกระบวนการทั้งหมดโดยสิ้นเชิง
ปัจจุบันระบบ KMAI สำหรับใช้งานภายในทั้งระบบมีราคาประมาณ 5 ล้านบาท ขณะที่ Private LLM แบบครบวงจรมีราคาอยู่ที่ 20 ล้านบาท (สามารถแบ่งชำระได้ถึง 60 เดือน)
3. Unified AI Frameworksในการผลักดันความก้าวหน้าในด้านเอไอ ระดับของความกลัวที่จะผิดพลาดมักจะน้อยกว่าความเสี่ยงที่แท้จริงที่เกิดจากการตัดสินใจที่ไม่รอบคอบด้วยซ้ำไป เราได้เห็นตัวอย่างจากหลาย ๆ โครงการที่รีบร้อนและขาดการวางแผนอย่างเหมาะสม ซึ่งในปีที่ผ่านมาเซอร์ทิสได้เข้าไปช่วยแก้ปัญหาในโครงการที่ล้มเหลวอย่างน้อย 2 โครงการ และ 2 ใน 4 ของ CTO ที่เราได้สำรวจนอกประเทศไทยยอมรับว่าเสียใจที่ตัดสินใจลงทุนในเอไออย่างเร่งรีบในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
Unified AI Framework ช่วยลดความเสี่ยงนี้และให้แนวทางที่ชัดเจนในการตัดสินใจ องค์กรที่มีโครงการเอไอหลายโครงการในแผนกต่าง ๆ จำเป็นต้องมี framework ดังกล่าวเพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามข้อกำหนด ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ปัญหาทางกฎหมาย ทรัพย์สินทางปัญญา และที่สำคัญคือการทำให้โครงการต่าง ๆ ภายในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำถามที่ว่า “เราควรทำอะไร ภายใต้เงื่อนไขใด ขอบเขตงานและผลลัพธ์ที่ต้องการคืออะไร และเราทุกคนต้องร่วมมือกันอย่างไรเพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จ” จะไม่เป็นปัญหาที่ต้องถกเถียงกันอีกต่อไปการจัดทำ Unified AI Framework สำหรับองค์กรเป็นงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหลายฝ่าย ซึ่งเซอร์ทิสเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการให้ความช่วยเหลือ
ในด้านนี้ การสร้าง Unified AI Framework ที่ผ่านการพิจารณาจากหลาย ๆ แผนกแล้ว จะช่วยสร้างประโยชน์ได้หลากหลาย ตั้งแต่การลดความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้เครื่องมือเอไอ ซอฟต์แวร์ หรือแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับอนุญาตโดยพนักงานหรือทีมงานในองค์กร ไปจนถึงการสร้างเช็คลิสต์ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับแนวทางการวิเคราะห์ ROI ขององค์กรก่อนเริ่มดำเนินโครงการจริง หากในปัจจุบันนี้องค์กรของคุณยังไม่มี Unified AI Framework คุณอาจไม่ใช่เพียงองค์กรเดียวที่ยังขาดสิ่งนี้ แต่ถ้าหากคุณยังไม่สามารถสร้าง Unified AI Framework ได้ภายในสิ้นปี 2025 คุณจะกลายเป็นองค์กรที่ล้าหลังอย่างแน่นอน
4. Empathetic AI Design
แนวทางการพัฒนาเอไอที่เน้นความต้องการของมนุษย์ (Human-centric AI) ช่วยเปลี่ยนบทบาทของเอไอจากเครื่องมือที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างเดียวไปสู่การเพิ่มประสบการณ์และศักยภาพของมนุษย์ได้ ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของ Agentic AI นั่นเอง โดยแนวทางนี้ช่วยให้องค์กรสามารถสนับสนุนพนักงานได้ดีขึ้น อย่างการเปลี่ยนการทำงานที่ซ้ำซากให้เป็นอัตโนมัติ เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ได้อย่างสะดวกสบายทั้งในเชิงอารมณ์และความคิดมากขึ้น และเมื่อองค์กรให้ความสำคัญกับการออกแบบเอไอที่มีความเข้าอกเข้าใจ (Empathetic AI Design) องค์กรก็จะสามารถสร้างทีมเวิร์กที่แข็งแกร่ง ลดความเครียดและปัญหาภาวะหมดไฟ (Burnout) สร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับลูกค้าหรือแม้กระทั่งเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรายังเห็นได้จากแอปพลิเคชันตามท้องตลาดทั่วไปที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเพื่อการทำงานหรือพักผ่อนหย่อนใจ ต่างก็เริ่มมีการเพิ่มเอไอเข้าไปอย่างแนบเนียนโดยที่ผู้ใช้งานไม่รู้ตัวเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพในการใช้งาน พร้อมทั้งยังคงความสะดวกสบายและไม่รบกวนผู้ใช้งาน
เซอร์ทิสมีทีมนักออกแบบ UI/UX ขนาดใหญ่ภายในองค์กร ที่ไม่เพียงแค่นำเครื่องมือออกแบบใหม่ล่าสุดที่เน้นผลลัพธ์เป็นหลักมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและการออกแบบเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่เฉพาะในการปรับแนวทางการออกแบบให้เหมาะสม เพื่อผสานรวมเครื่องมือสำหรับองค์กรเข้ากับกระบวนการทำงานเดิมได้อย่างราบรื่นและสะดวกสบายที่สุดสำหรับผู้ใช้งานปลายทาง
5) การปรับขนาดโมเดล AI ให้เหมาะสมขึ้น
สำหรับองค์กรที่ได้เริ่มใช้งานเอไอไปแล้ว ในปี 2025 นี้จะเป็นปีที่หลายองค์กรมุ่งปรับขนาดการใช้งานเอไอให้เหมาะสมกับศักยภาพขององค์กรมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ Unified AI Framework เป็นแนวทางและดำเนินการตามแผนที่มีโครงสร้างชัดเจน ซึ่งการปรับขนาดโมเดลให้เหมาะสมนี้จะเน้นการปรับปรุงระบบเดิมที่ล้าสมัย(Legacy Systems) การทำความสะอาดข้อมูลให้สมบูรณ์ในครั้งเดียว และสนับสนุนพนักงานด้วยเครื่องมือที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ เพื่อลดช่องว่างระหว่างความคาดหวังของพนักงานกับสิ่งที่เอไอสามารถมอบให้ได้ ซึ่งความสำเร็จของการปรับขนาดโมเดลเอไอให้เหมาะสมจะทำให้การใช้เอไอถูกหลอมรวมเข้าไปอยู่ในกระบวนการทำงานได้ตามความเหมาะสม แทนที่จะใช้งานเกินความจำเป็นหรือเลือกวิธีที่ไม่เหมาะสมกับเป้าหมายขององค์กรซึ่งทำให้การปรับใช้เอไอมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถตอบโจทย์หรือไม่สามารถก้าวผ่านช่วงกลางของกระบวนการการขาย (mid-funnel) ได้สำเร็จ
ในปี 2025 เซอร์ทิสจะมุ่งทำงานร่วมกับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งานเอไอจะมีความเหมาะสมและตอบโจทย์อย่างแท้จริง
โบนัส: ภาคการลงทุน
เรามองว่าเทรนด์ทั้ง 5 ข้อนี้จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในโครงการใหม่ในภาคธุรกิจต่าง ๆ ตั้งแต่ (1) ภาคค้าปลีก ซึ่งเดิมทีถือเป็นภาคส่วนที่เริ่มต้นช้าเนื่องจากอัตรากำไรที่ต่ำและติดปัญหาระบบเดิมที่ล้าสมัย (2) ภาคการธนาคารและบริการทางการเงิน รวมถึงประกันภัย ซึ่งเทคโนโลยีตั้งแต่ Computer Vision, Predictive AI ไปจนถึง Generative AI สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนและวัดผลได้ต่อธุรกิจนี้ อีกทั้งองค์กรในภาคนี้ยังมีความถนัดในการวางแผน วิเคราะห์ และดำเนินการเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (3) ภาคการผลิต ซึ่งเอไอมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงระบบ Supply Chain ให้เชื่อมโยงกับกระบวนการภายในองค์กรได้ (4) ภาคสาธารณสุข และ (5) มหาวิทยาลัย
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมใด ปี 2025 จะเป็นปีที่ทุกองค์กรจำเป็นต้องลงทุนในเอไอเพื่อ “ก้าวให้ทัน” และ “แข่งขัน” มิฉะนั้นอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง การเปิดตัวโครงการเอไอที่ประสบความสำเร็จก่อนใครในภาคธุรกิจหรือกลุ่มตลาดจะช่วยให้องค์กรมีต้นทุนที่ยั่งยืนและสร้างรายได้ที่เหนือกว่าได้ เนื่องจากวัฏจักรการเติบโตและการล่มสลายของธุรกิจในช่วง 500 ปีที่ผ่านมากำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อนด้วยอิทธิพลของเทคโนโลยี เพียงปีเดียวก็อาจสร้างความแตกต่างมหาศาลต่อความสามารถในการแข่งขันและความอยู่รอดในตลาดได้เตรียมตัวให้พร้อม รถไฟเหาะกำลังไต่ถึงจุดสูงสุดของเนินแรกแล้ว!
เซอร์ทิสพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยคุณรับมือกับเส้นทางนี้ ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในการดำเนินโครงการด้านเอไอและดาต้ามากกว่า 400 โครงการ ร่วมกับองค์กรมากถึง 75 แห่ง
ให้เราร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาธุรกิจของคุณ ติดต่อเราได้ที่: https://www.sertiscorp.com/th/contact-us
Comments