NFT (Non-Fungible Token) คือหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency) ในรูปแบบเหรียญดิจิทัลที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ไม่สามารถทดแทนหรือเปลี่ยนแปลงเป็นสกุลดิจิทัลอื่น หรือเงินได้ ถือเป็นสินทรัพย์ที่กำลังอยู่ในกระแสโดยเฉพาะในวงการศิลปะและวงการเกม ในการซื้อ-ขาย ผลงานศิลปะ ภาพถ่าย ของสะสม หรือไฟล์ดิจิทัล ในบทความนี้ผมจะพาไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและทำความเข้าใจถึงกลไกลการทำงานของเทคโนโลยีนี้ที่อยู่เบื้องหลังธุรกรรมการซื้อ-ขาย NFT ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนี้กัน
ปฎิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีสามารถเข้ามาช่วยเปลี่ยนสิ่งที่มีมูลค่า และมีจำนวนจำกัด เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนระหว่างกันบนแพลตฟอร์ม ให้ได้รับสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของหรือครอบครองผลงานเหล่านั้นในโลกดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขายสิ่งของหายากหรือมีความเฉพาะตัวสูง อย่างผลงานภาพถ่าย ภาพวาด งานศิลปะ วิดีโอ ไฟล์ข้อมูลดิจิทัล เพลง ดนตรี หรือแม้แต่ช็อตทีเด็ด (Top shot) ที่เกิดขึ้นในการแข่งขันบาสเกตบอลก็ถูกนำมาขายให้แฟน ๆ ได้เป็นเจ้าของแล้ว ยกตัวอย่างที่เลอบรอน เจมส์ สแลมดังก์ในการแข่งขันบาสเกตบอล เป็นช็อตีเด็ดที่มีมูลค่า NFT ที่มีการเสนอขายในราคา 250,000 เหรียญสหรัฐ หรืองานศิลปะแบบดิจิทัล ที่เป็นการรวมผลงานปะติดปะต่อรูปภาพติดต่อกัน 5,000 ภาพตลอดระยะเวลา 13 ปีโดยไม่หยุดพัก ของ Beeple ก็สามารถทำราคาที่ได้จากการประมูลสูงถึง 69.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 2,000 ล้านบาท ถือเป็นการสร้างรายได้ให้กับผลงาน หรือเหตุการณ์นั้น ๆ อย่างมหาศาล โดยมีเทคโนโลยีอย่างบล็อกเชนเป็นกลไกลขับเคลื่อน NFT ในการซื้อ-ขายสินทรัพย์นี้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์แวดล้อมของความต้องการ (Demand) ก็เป็นตัวกำหนดมูลค่าของสิ่งที่อยู่ในความต้องการ (Supply) ที่ย่อมมีความผันผวนทางราคาที่รุนแรงเกิดขึ้นได้เสมอ
บล็อกเชน คือเทคโนโลยีดิจิทัลที่เชื่อมโลกออนไลน์อย่างไร้พรมแดนเข้าด้วยกัน ด้วยเทคนิคการเก็บข้อมูลเป็นส่วน ๆ และนำมาร้อยเรียงต่อกันเหมือนโซ่ โดยวิธีการเข้ารหัสทางคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่าข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ มีการแก้ไขหรือทำการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งและกระจายเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่าย สำหรับ NFT บล็อกเชนจึงเปรียบเสมือนธนาคารที่ช่วยดูแลการซื้อ-ขายสินทรัพย์ NFT โดยไม่ผ่านบุคคลที่สาม ช่วยให้เกิดความโปร่งใสของธุรกรรม ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานของบล็อกเชนให้มั่นใจว่าธุรกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นปลอดภัยจากการปลอมแปลงข้อมูลและยังตรวจสอบได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าบล็อกเชนไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องการทำธุรธรรมทางการเงินแค่เฉพาะสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ที่เราคุ้นเคยเพียงเท่านั้น แต่ความเฉพาะตัวของสินทรัพย์อย่าง NFT ก็ยังใช้ความสามารถของบล็อกเชนในการยืนยันกรรมสิทธิ์และช่วยเก็บข้อมูลการซื้อ-ขายสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัดบนโลกดิจิทัล เพื่อต่อยอดการลงทุน เพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งของ สร้างระบบเงิน และสร้างการเข้าถึงให้กับทุกคนไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของมุมโลก เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต
ในอนาคต แนวคิดการสร้างระบบเงินโดยไม่ต้องมีเหรียญที่เป็นเงินจริง ๆ จะนำไปใช้กับฐานข้อมูลอื่นได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นฐานข้อมูลความเป็นเจ้าของ ฐานข้อมูลการซื้อ-ขาย หรือส่งต่อสิ่งของหรือแม้แต่ไฟล์ดิจิทัลบางอย่าง เพื่อแสดงให้รู้ว่าไฟล์นั้น ๆ ตกเป็นกรรมสิทธิ์ให้คนใดคนหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ที่ไม่จำกัดแค่ธุรกรรมทางการเงินเพียงเท่านั้นอีกต่อไป แต่บล็อกเชนจะสามารถช่วยยืนยันความเป็นเจ้าของ ช่วยจัดเก็บข้อมูลที่โปร่งใสอย่างเป็นระบบระเบียบ และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นี่คือความสามารถเฉพาะตัวของเทคโนโลยีอย่างบล็อกเชน ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญหากเราได้เรียนรู้ และทำความเข้าใจในเทคโนโลยี ให้เกิดความรอบรู้ และเท่าทันเทคโนโลยีที่จะมีการพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเข้ามาตอบโจทย์การใช้ชีวิตของมนุษย์ในหลากหลายมิติมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต
Comentarios